คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถอนเสารั้วของโจทก์แล้ววางไว้ เพื่อระงับยับยั้งมิให้โจทก์ขุดหลุมปักเสาในที่ดิน ซึ่งจำเลยเข้าใจหรือเชื่อว่าอยู่ในเขตของจำเลย เป็นการกระทำโดยเจตนาใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ เพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนสิ้นไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันรื้อรั้วถอนรั้วและเสาหลักเขตซึ่งโจทก์ได้ปักในที่ดินของโจทก์แล้วขนท่อน้ำของจำเลยเข้าไว้ในที่ดินของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘, ๓๖๒, ๓๖๓ และริบท่อน้ำ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินตรงที่จำเลยวางท่อสูบน้ำกับที่โจทก์เข้าไปขุดหลุมปักเสารั้วเป็นของจำเลย จำเลยบอกให้โจทก์รื้อถอนเสารั้วออกไป โจทก์ไม่รื้อ จำเลยถอนเสานั้นแล้วนำไปวางห่างหลุมประมาณ ๑ เมตร เป็นสิทธิของจำเลยที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๓ ถอนเสาของโจทก์แล้ววางไว้โดยมิได้ทำให้ชำรุดเสียหาย และข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังได้ว่าที่ดินตรงที่จำเลยเอาท่อน้ำไปวางอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาเฉพาะข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งขอให้รับฎีกาในข้อหาบุกรุกด้วย ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาในข้อหาฐานบุกรุก เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย สรุปความได้ว่า จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิถอนเสารั้วของโจทก์ไม่ได้ เพราะสถานการณืไม่ร้ายแรงก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่จำเลยที่จะใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖, ๑๓๓๗ ได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ การวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยถอนเสารั้วของโจทก์แล้ววางไว้เพื่อจะระงับยับยั้งมิให้โจทก์ขุดหลุมปักเสาในที่ดินของจำเลย ซึ่งจำเลยเข้าใจหรือเชื่อว่าอยู่ในเขตของจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ เพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนสิ้นไปตามมาตรา ๑๓๓๗ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๕๒/๒๕๑๐ ที่โจทก์อ้างนั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน

Share