คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถเบรคแตก คนขับจึงขับรถนั้นไปซ่อมเบรคโดยนายจ้างไม่ได้ใช้ แล้วเกิดชนกับรถของโจทก์ขึ้น เช่นนี้ ถือได้ว่าคนขับรถกระทำในทางการที่จ้าง นายจ้างจะต้องร่วมรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารประจำทาง และเป็นนายจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ได้ขับรถของจำเลยที่ ๑ ในทางการจ้างด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย ต้องเสียค่าซ่อมเป็นเงิน ๕,๑๖๕ บาท และค่าเสื่อมราคาเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณา
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคารถ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าซ่อมรถและค่าเสื่อมราคาแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๑ รับคนโดยสารซึ่งเป็นกิจการของจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นนายจ้าง แล้วจำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์คันนั้นออกไปนอกเส้นทางสัมปทาน โดยไม่มีผู้โดยสารหรือคนเก็บเงินค่าโดยสารไปในรถด้วย เพราะรถของจำเลยที่ ๑ เบรคแตก จำเลยที่ ๒ ได้ขับรถไปซ่อมเบรคจึงเกิดชนกับรถโจทก์ การที่จำเลยที่ ๒ เอารถไปซ่อมเบรคนั้น เป็นกิจการเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ ๑ จึงถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในทางการจ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒ ด้วย
โจทก์ได้นำสืบให้เห็นว่า การที่รถโจทก์ถูกรถจำเลยชนนั้น แม้จะได้ซ่อมส่วนที่ชำรุดแล้ว ก็ยังทำให้รถโจทก์เสื่อมราคาลงอีกโสดหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ให้ค่าเสื่อมราคารถ ๘,๐๐๐ บาทนั้น สมควรด้วยรูปคดีแล้ว
รถที่ถูกชนนี้เป็นรถของโจทก์ที่มอบให้นายจำลองซึ่งเป็นนายช่างชลประทานเป็นผู้ใช้ในตำแหน่งหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุแล้ว นายจำลองได้นำรถที่ถูกชนไปซ่อมและชำระราคาค่าซ่อมโดยนายจำลองยืมเงินทดรองจากกรมชลประทานโจทก์ไปชำระก็ดี ถือได้ว่านายจำลองกระทำแทนหรือในนามของโจทก์นั่นเอง จำเลยจะเถียงเป็นทำนองว่านายจำลองทำไปในฐานะส่วนตัว โจทก์ไม่เสียหาย ไม่มีสิทธิเรียกร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share