แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์คันพิพาท มิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนรถยนต์คันพิพาท จำเลยที่ 2 รับซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ที่กระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทนำรถยนต์คันพิพาทไปจดทะเบียนโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเข้าหลักที่ว่าผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จำเลยที่ 2 ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาท ทั้งการที่ บ. และจำเลยที่ 1 นำรถยนต์คันพิพาทของโจทก์มาจัดไฟแนนซ์กับบริษัท ด. ซึ่งเป็นบริษัทของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ใช่เป็นการซื้อขายในท้องตลาดหรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1332 ดังนั้น จำเลยที่ 2 จะสุจริตหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้ได้รับความคุ้มครองตามบทกฎหมาย
แม้ตามคำขอท้ายฟ้อง โจทก์จะขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยที่ 2 ออกจากการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในรถยนต์คันพิพาทเป็นชื่อของโจทก์ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์คันพิพาทที่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดขอนแก่นออกให้แทนฉบับเดิม ก็เป็นการดำเนินการของนายทะเบียนขนส่งจังหวัดขอนแก่นตามที่ได้รับแจ้งข้อความเท็จจากจำเลยที่ 2 ถือว่าใบแทนคู่มือการจดทะเบียนเป็นการออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอนแต่โจทก์ก็มีคำขอให้ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับของโจทก์มีผลใช้บังคับได้ตามเดิมศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์คันพิพาทที่ออกโดยไม่ชอบนั้นได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 จึงไม่เกินคำขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และมีสิทธิในรถยนต์หมายเลขทะเบียน บบ 8096 ขอนแก่น ให้มีคำสั่งให้ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับใบแทนสูญหายของรถยนต์หมายเลขทะเบียน บบ 8096 ขอนแก่น เป็นโมฆะ และให้ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับของโจทก์มีผลใช้บังคับได้ตามเดิม ให้เพิกถอนชื่อจำเลยที่ 2 ออกจากการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในรถยนต์หมายเลขทะเบียน บบ 8096 ขอนแก่น และให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 แก้ไขชื่อให้โจทก์กลับเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายจำนวน 205,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 และที่ 4 ศาลชั้นต้นอนุญาต และจำหน่ายคดีเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 205,000 บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 2 คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน บบ 8096 ขอนแก่น เพิกถอนใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์หมายเลขทะเบียน บบ 8096 ขอนแก่น ที่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดขอนแก่น ออกให้แทนฉบับเดิมที่สูญหายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4โดยที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาหรือโต้แย้งให้เห็นเป็นอย่างอื่นว่า โจทก์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดีเลิศธุรกิจ จำกัด ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีวัตถุประสงค์ในการซื้อขาย แลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยที่ 1 เคยเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าวแต่ถูกไล่ออกเนื่องจากทุจริต เดิมรถยนต์คันพิพาทมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามรายการจดทะเบียนในใบคู่มือจดทะเบียนรถเอกสารหมาย จ. 4 ต่อมาวันที่ 11 ตุลาคม 2543 จำเลยที่ 1 นำความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ว่าใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันพิพาทหายไป ตามรายงานประจำวันเอกสารหมาย จ.15 จากนั้นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 จำเลยที่ 1 นำสำเนารายงานประจำวันที่ไปแจ้งเท็จดังกล่าว พร้อมหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.16 และสำเนาทะเบียนบ้านกับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของโจทก์เอกสารหมาย จ.17 ที่จำเลยที่ 1 ปลอมลายมือชื่อของโจทก์นำไปเป็นหลักฐานแสดงต่อสำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่นเพื่อขอให้ออกใบคู่มือจดทะเบียนสำหรับรถยนต์คันพิพาทให้ใหม่ อ้างว่าใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ฉบับเดิมสูญหาย เจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่นหลงเชื่อจึงออกใบคู่มือจดทะเบียนฉบับใหม่ให้ แล้ววันรุ่งขึ้นคือวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543 จำเลยที่ 1 ใช้ใบคู่มือจดทะเบียนฉบับใหม่ที่ได้รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ตามแบบคำขอโอนและรับโอนเอกสารหมาย จ.19 โดยจำเลยที่ 1 ใช้หนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.21 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์เอกสารหมาย จ.23 ที่จำเลยที่ 1 ปลอมลายมือชื่อของโจทก์เป็นหลักฐานประกอบการจดทะเบียนโอนดังกล่าว ภายหลังเมื่อโจทก์ทราบเหตุได้มอบอำนาจให้นางสาวนาถนภา ร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ในข้อหาปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจและปลอมลายมือชื่อโจทก์ในเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าว ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.29 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการแรกว่า จำเลยที่ 2 มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของรถยนต์คันพิพาทหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์คันพิพาท มิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนรถยนต์คันพิพาท จำเลยที่ 2 รับซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ที่กระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทนำรถยนต์คันพิพาทไปจดทะเบียนโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 โดยใช้บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านที่ระบุว่าเป็นของโจทก์ปลอมไปจดทะเบียนโอนรถยนต์คันพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเข้าหลักที่ว่าผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับโอนรถยนต์คันพิพาทจากโจทก์ผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาท จำเลยที่ 2 ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาท ทั้งการที่นางสาวเบญจวรรณและจำเลยที่ 1 นำรถยนต์คันพิพาทของโจทก์มาจัดไฟแนนซ์กับบริษัทดีดี กาฬสินธุ์ มอเตอร์เซลล์ จำกัด จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบริษัทของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ใช่เป็นการซื้อขายในท้องตลาดหรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 ดังนั้น จำเลยที่ 2 จะสุจริตหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้ได้รับความคุ้มครองตามบทกฎหมายดังกล่าว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการสุดท้ายว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้เพิกถอนใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันพิพาท เป็นการพิพากษาเกินไปหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้ตามคำขอท้ายฟ้อง โจทก์จะขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยที่ 2 ออกจากการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในรถยนต์คันพิพาทเป็นชื่อของโจทก์ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์คันพิพาทที่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดขอนแก่น ออกให้แทนฉบับเดิมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ก็เป็นการดำเนินการของนายทะเบียนขนส่งจังหวัดขอนแก่นตามที่ได้รับแจ้งข้อความเท็จจากจำเลยที่ 2 ถือว่าใบแทนคู่มือการจดทะเบียนเป็นการออกโดยไม่ชอบกฎหมาย แม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอน แต่โจทก์ก็มีคำขอให้ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับของโจทก์มีผลใช้บังคับได้ตามเดิม ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์คันพิพาทที่ออกโดยไม่ชอบนั้นได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 จึงไม่เกินคำขอ ฎีกาจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 6,000 บาท แทนโจทก์