คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีนั้นโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยอายุกว่าสิบหกปี ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการอาศัยปัจจัยทั้งหมดหรือแม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี หากขาดปัจจัยดังกล่าวแม้เพียงบางส่วนจะดำรงชีพอยู่ไม่ได้ หรือไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพ และปรากฏว่าจำเลยอยู่ร่วมกับหญิงซึ่งค้าประเวณีหรือสมาคมกับหญิงซึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคนเป็นอาจิณตามคำฟ้องของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์นำสืบได้เพียงว่า จำเลยอายุกว่าสิบหกปีเป็นผู้จัดหาหญิงผู้ทำการค้าประเวณีเพื่อผู้อื่นเป็นปกติธุระและได้รับเงินส่วนแบ่งจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีเท่านั้นจึงลงโทษจำเลยในความผิดนี้ตามฟ้องไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 286 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8และขอให้ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 286 และพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีพ.ศ. 2503 มาตรา 8 อันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำคุกคนละ 10 ปี ของกลางริบ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8 จำคุก 2 เดือนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้เปลี่ยนเป็นกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 ตามที่โจทก์ฎีกา โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยที่ 2 อายุกว่าสิบหกปี ดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี ซึ่งหมายถึงว่าจำเลยที่ 2 ดำรงชีวิตของตนอยู่ได้ด้วยการอาศัยปัจจัยทั้งหมดหรือแม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี หากขาดปัจจัยแม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี จำเลยที่ 2จะดำรงชีพอยู่ไม่ได้ หรือจำเลยที่ 2 ไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพหรือไม่มีปัจจัยอันเพียงพอสำหรับดำรงชีพ และปรากฏว่าจำเลยที่ 2 อยู่ร่วมกับหญิงซึ่งค้าประเวณี หรือสมาคมกับหญิงซึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคนเป็นอาจิณ ตามคำฟ้องโจทก์ ซึ่งในกรณีนี้กฎหมายสันนิษฐานหรือให้ถือว่าผู้นั้นดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงในการค้าประเวณี แต่จากข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบรับฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 อายุกว่าสิบหกปีกับพวก เป็นผู้จัดหาหญิงผู้ทำการค้าประเวณีเพื่อผู้อื่นเป็นปกติธุระ และจำเลยที่ 2 ได้รับเงินส่วนแบ่งจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี ข้อเท็จจริงดังกล่าวฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ดำรงชีวิตของตนอยู่ได้ด้วยอาศัยปัจจัยแม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี ซึ่งหากขาดปัจจัยแม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีแล้วจำเลยที่ 2 จะดำรงชีพอยู่ไม่ได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ได้ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี และฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2ไม่มีปัจจัยอย่างอื่นปรากฏสำหรับดำรงชีพหรือไม่มีปัจจัยอันเพียงพอสำหรับดำรงชีพ ถือว่าจำเลยที่ 2 ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงในการค้าประเวณีไม่ได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน

Share