คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6(3)ประกอบกฎกระทรวง (พ.ศ. 2534) ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าสามแสนบาทผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 17 แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่สมาชิกวงแชร์จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ตามมาตรา 7แสดงว่ากฎหมายมิได้กำหนดว่าการเล่นแชร์ตกเป็นโมฆะเสียทั้งหมด ส่วนการฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องระหว่างสมาชิกวงแชร์ด้วยกันมิได้มีบทบัญญัติรับรองไว้ แต่เป็นที่เห็นได้ว่ากฎหมายมุ่งประสงค์ที่จะเอาโทษแก่ นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เท่านั้น โดยมีเหตุผล อยู่ในหมายเหตุท้ายประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ จึงเห็นได้ว่า กฎหมายมิได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดว่าการเล่นแชร์ ของประชาชนทั่วไปเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหมด การผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยในฐานะสมาชิกวงแชร์ ที่มี น. ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์ย่อมไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 6 นิติกรรมการเล่นแชร์ของโจทก์จำเลย จึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เมื่อจำเลยออกเช็คเพื่อชำระเงินรวมเข้าเป็นทุนกองกลาง เป็นงวด ๆ เพื่อให้สมาชิกวงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูล จำเลยจึงต้องรับผิดตามเนื้อความ ในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ จำเลย และผู้มีชื่ออีก 18 คน ร่วมกันเล่นแชร์ มีนางกรรณิการ์เป็นนายวงแชร์ เมื่อจำเลยประมูลได้นายวงแชร์จึงเก็บเช็คจากโจทก์ 5 ฉบับ ไปมอบให้แก่จำเลยแล้วนำเช็คพิพาทรวม 5 ฉบับ ฉบับละ 30,000 บาท ที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายมามอบให้โจทก์เมื่อโจทก์ประมูลได้จึงนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร เพื่อเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคารแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน153,481.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน150,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยนำเงินสดไปมอบให้แก่นายวงแชร์เพื่อแลกเช็คตามฟ้องกลับคืนมาแล้ว แต่นายวงแชร์นำเงินไปใช้จ่ายเองหมดสมาชิกจึงไม่คืนเช็คแก่จำเลย เช็คตามฟ้อง 5 ฉบับ เกิดจากการเล่นแชร์ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 หนี้ตามเช็คดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน150,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 90,000 บาท นับแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2538 ต้นเงิน30,000 บาท นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2538 ต้นเงิน 30,000 บาทนับแต่วันที่ 3 มกราคม 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 3,481.30 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายว่าด้วยการเล่นแชร์ตามฟ้องระหว่างโจทก์ จำเลย และพวกเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6 ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงเป็นโมฆะและเช็คพิพาทที่ออกเพื่อชำระหนี้ตามฟ้องตกเป็นโมฆะหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 ว่าโจทก์ จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นแชร์โดยเป็นสมาชิกวงแชร์ซึ่งมีนางกรรณิการ์ งามพจนวงศ์ เป็นนายวงแชร์สมาชิกวงแชร์แต่ละคนมีภาระที่จะต้องส่งเงินเป็นทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันมูลค่ามากกว่าสามแสนบาท โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อชำระเข้าเป็นทุนกองกลางดังกล่าว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6(3) ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2534) โดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 กำหนดทุนกองกลางที่ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าสามแสนบาท ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษ ตามมาตรา 17 แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่สมาชิกวงแชร์จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ตามมาตรา 7 ย่อมแสดงว่ากฎหมายมิได้กำหนดว่าการเล่นแชร์ตกเป็นโมฆะเสียทั้งหมด ส่วนการฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องระหว่างสมาชิกวงแชร์ด้วยกันมิได้มีบทบัญญัติรับรองไว้ แต่เป็นที่เห็นได้ว่ากฎหมายมุ่งประสงค์ที่จะเอาโทษแก่นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เท่านั้น โดยมีเหตุผลอยู่ในหมายเหตุท้ายประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ว่า “เนื่องจากในปัจจุบันได้มีผู้ประกอบธุรกิจเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์กันอย่างกว้างขวาง การประกอบธุรกิจดังกล่าว นอกจากจะเป็นอันตรายต่อประชาชนแล้วยังกระทบต่อการระดม เงินออมของสถาบันการเงินที่ทางราชการสนับสนุนและรับผิดชอบและส่งผลกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจโดยส่วนรวม ส่วนการเล่นแชร์ของประชาชนทั่วไปที่มิได้ดำเนินการเป็นธุรกิจนั้นยังให้กระทำต่อไปได้” กฎหมายมิได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดว่าการเล่นแชร์ของประชาชนทั่วไปเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด การผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยในฐานะสมาชิกวงแชร์ที่มีนางกรรณิการ์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์ย่อมไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 6 นิติกรรมการเล่นแชร์ของโจทก์จำเลยจึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เมื่อจำเลยออกเช็คเพื่อชำระเงินรวมเข้าเป็นทุนกองกลางเป็นงวด ๆ เพื่อให้สมาชิกวงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูล จำเลยจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง ศาลล่างทั้งสอง พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share