แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามมาตรา 58 ประมวลกฎหมายอาญาคำว่า “และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิด”นั้น หมายความว่า จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจริง ๆ คดีนี้ ศาลวางโทษจำคุก 3 เดือน แต่ได้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นให้ส่งตัวไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางไม่เรียกว่าให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น โจทก์จะขอให้ศาลกำหนดโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ย่อมไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันลักบุหรี่ราคา ๓๒๕ บาทของนายยิบซองไป ก่อนคดีนี้จำเลยที่ ๒ เคยต้องโทษฐานสมคบกันเล่นการพนันป๊อกตามพระราชบัญญัติการพนัน ศาลพิพากษารอการกำหนดโทษไว้ ๖ เดือน ตามคดีแดงที่ ๔๐๖/๒๕๐๘ ขอให้ลงโทษจำเลยและกำหนดโทษที่ศาลรอไว้บวกเข้ากับโทษในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๑)(๘),๓๕๗,๘๓,๕๖,๕๘
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ และจำเลยที่ ๒ รับว่าเคยต้องโทษและต้องหาตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๑) (๘),๘๓ ให้มอบตัวจำเลยที่ ๑ ให้นางนิสามารดาบุญธรรมของจำเลยที่ ๑ รับตัวไป ระมัดระวังไม่ให้ก่อเหตุร้ายภายใน ๒ ปี หากผิดข้อกำหนดให้ปรับนางนิสาครั้งละไม่เกิน ๓๐๐ บาท กับให้จำเลยที่ ๑ ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ๔ เดือนต่อครั้ง ภายใน ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๕ ประกอบด้วยมาตรา ๗๔ (๒)(๓) และมาตรา ๕๖(๑)(๓) ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้จำคุกจำเลยโดยลดมาตราส่วนโทษแล้วมีกำหนด ๖ เดือน ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งเหลือ ๓ เดือน และให้เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ เป็นส่งตัวไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนดขั้นต่ำ ๑ ปี ขั้นสูง ๒ ปี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๑(๒)(๓), ๓๒ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖ มาตรา ๙(๒) และมาตรา ๑๐ ข้อที่โจทก์ขอให้กำหนดโทษที่ศาลรอไว้บวกเข้ากับโทษในคดีนี้ด้วยนั้น เมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ต้องจำคุกในที่สุด จะนำโทษที่ศาลรอไว้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ไม่ได้ ให้ยกคำขอของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ โดยกำหนดโทษในคดีอาญาแดงที่ ๔๐๖/๒๕๐๘ แล้วเอาโทษมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๘ บัญญัติว่า “ถ้าภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา ๕๖ ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลัง กำหนดโทษที่รอกำหนดไว้ก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง”นั้น คำว่า “และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิด” หมายความว่า จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจริง ๆ จึงให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอกำหนดไว้คดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง การที่ศาลวางโทษจำคุกจำเลย ๓ เดือน แต่ได้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นให้ส่งตัวไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางนั้น ไม่เรียกว่าให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้นตามมาตรา ๕๘ กรณีจึงไม่เข้าตามมาตรา ๕๘ แห่งประมวลกฎหมายอาญา พิพากษายืน