คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีหมิ่นประมาท ฟ้องโจทก์จะต้องกล่าวถ้อยคำที่จำเลยพูดไว้โดยบริบูรณ์ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 ว่า “โจทก์กับพวกเป็นคนร้ายลักปลาในบ่อของจำเลยไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2504″เช่นนี้โจทก์ไม่ได้กล่าวถ้อยคำที่จำเลยพูดกับจำเลยที่ 3 ไว้โดยบริบูรณ์ว่ามีข้อความอย่างไร โจทก์กล่าวแต่เพียงโดยสรุป ฟ้องของโจทก์จึงไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 ทำให้โจทก์กับพวกเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่า “โจทก์กับพวกอีก 2 คนเป็นคนร้ายลักปลาในบ่อของจำเลยไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2504” และจำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ไม่ได้เป็นคนร้ายลักปลาในบ่อของจำเลยขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีหมิ่นประมาท ฟ้องโจทก์จะต้องกล่าวถ้อยคำที่จำเลยพูดไว้โดยบริบูรณ์ คือ ถ้อยคำที่จำเลยพูดกับบุคคลที่ 3 มีข้อความอย่างไร แต่ตามฟ้องของโจทก์กล่าวเพียงโดยสรุปเอาเลยว่าโจทก์กับพวกเป็นคนร้ายลักปลาในบ่อของจำเลย ฟ้องของโจทก์ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ฯลฯ

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share