คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิง พ. และ อ. หลายนัดโดยเจตนาฆ่า พ. ถึงแก่กรรม อ. เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกคนหนึ่งยิงก่อน แล้วพวกของจำเลยอีก 3 คนยิงอีกในทันทีนั้น ดังนี้ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท จะเรียงกระทงลงโทษฐานฆ่า พ. กรรมหนึ่งและฐานพยายามฆ่า อ. อีกกรรมหนึ่งไม่ได้ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยแต่กระทงเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 4 คนมีปืนเป็นอาวุธ ร่วมกันทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ

ก. เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2517 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายพันธ์ แก้วปาน และนายอุทัย แพรกสงฆ์ โดยเจตนาฆ่า นายพันธ์ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลยกับพวก ส่วนนายอุทัยเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ

ข. หลังจากที่จำเลยกับพวกทำผิดในข้อ ก. แล้ว ในวันเวลาเดียวกันจำเลยกับพวกได้ร่วมกันฉุดคร่าพานางสาวสาคร สมคง อายุ 17 ปีและนางสมพร หมั่นช่วย ไปเพื่อการอนาจาร

ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 284, 83, 91ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2, 10

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่านายพันธ์ตามมาตรา 288ให้จำคุก 20 ปี ฐานพยายามฆ่านายอุทัยตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก 10 ปี และฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 284ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ให้จำคุก 2 ปี เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ให้จำคุก 32 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

คดีมีปัญหาที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยได้ทำผิดฐานฆ่านายพันธ์และพยายามฆ่านายอุทัยหรือไม่ ส่วนความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วฟังว่า จำเลยทำผิดจริงและวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามฟ้องกล่าวว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงนายพันธ์ นายอุทัยหลายนัดเพื่อเจตนาฆ่า นายพันธ์ถึงแก่กรรม นายอุทัยเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ ทางพิจารณาก็ได้ความว่า จำเลยกับนายสมปองยิงก่อน แล้วพวกอีก 3 คนยิงอีกในทันทีนั้นติด ๆกันกับที่นายสมปองและจำเลยออกมายิง แสดงว่ามีเจตนาจะฆ่านายพันธ์และนายอุทัยในคราวเดียวกัน จึงเห็นว่าเป็นการร่วมกระทำครั้งเดียววาระเดียวกันเป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ฉะนั้นที่ศาลล่างว่าจำเลยทำผิดฐานฆ่านายพันธ์กรรมหนึ่ง และฐานพยายามฆ่านายอุทัยอีกกรรมหนึ่ง แล้วเรียงกระทงลงโทษจึงไม่ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ลงโทษตามมาตรา 288ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่กระทงเดียว ให้จำคุก 20 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share