คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12066/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ. ผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลย ติดต่อกับโจทก์ขอซื้อผลิตภัณฑ์นม โดยโทรสารจากสำนักงานจำเลย หลังจากโจทก์ส่งสินค้าครบแล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เห็นได้ว่า ถ. และจำเลยร่วมต่างเป็นผู้กระทำการแทนจำเลย หาก ถ. ขายหรือสั่งซื้อสินค้าโดยอ้างว่ากระทำไปในฐานะผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลยบุคคลภายนอกย่อมเข้าใจได้ว่า เป็นการสั่งสินค้าโดยจำเลย ส่วนจำเลยร่วมเป็นกรรมการผู้มีอำนาจคนหนึ่งของจำเลย เมื่อจำเลยร่วมแสดงเจตนาในการขายหรือซื้อสินค้ากับบุคคลภายนอก บุคคลนั้นย่อมเข้าใจได้ว่าตนซื้อขายสินค้ากับจำเลย การกระทำของ ถ. และจำเลยร่วมจึงเป็นตัวแทนเชิดของจำเลย จำเลยต้องผูกพันในการซื้อขายสินค้ากับโจทก์ ส่วนที่ใบสั่งซื้อสินค้าที่ส่งให้โจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้มีอำนาจสั่งซื้อก็เป็นระเบียบภายในของจำเลยเท่านั้นและการส่งสินค้าให้แก่บุคคลอื่น ในสถานที่อื่นมิใช่ที่ทำการของจำเลยไปตามที่ระบุในใบสั่งซื้อสินค้า ก็เป็นปกติของการค้าขายที่ผู้ซื้ออาจขายต่อหรือนำสินค้าไปส่งต่อตามทางธุรกิจของตน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,538,637.18 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,406,754 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกนายสนธิ์ชัยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมชำระเงิน 1,406,754 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่ 10 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ และให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 1,406,754 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ (ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องไม่เกิน 131,883.18 บาท) ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 20,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยร่วมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนายบัลลพ์กุล นายวีรพล นางดาราวรรณ และนางศิริวรรณเป็นกรรมการ โดยกรรมการดังกล่าวสองคนลงชื่อและประทับตราสำคัญทำการแทนโจทก์ ส่วนจำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยร่วมและนางไพลิน เป็นกรรมการ นายถนอมศักดิ์เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลย ส่วนนายไพบูลย์เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ โจทก์มีนายไพบูลย์ เป็นพยานเบิกความว่า นายถนอมศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลยโทรศัพท์ติดต่อนายไพบูลย์ขอซื้อนม ยู.เอช.ที. ในระบบเงินเชื่อ นายไพบูลย์จึงขอให้ติดต่อกับนายบัลลพ์กุล ต่อมานายถนอมศักดิ์ติดต่อกับนายบัลลพ์กุลแล้ว นายบัลลพ์กุลอนุมัติให้ขายสินค้าให้แก่จำเลยในระบบเงินเชื่อ วันที่ 29 กันยายน 2549 จำเลยส่งใบสั่งซื้อทางโทรสาร ผลิตภัณฑ์นม ยู.เอช.ที. 71,040 กล่อง ราคากล่องละ 5.10 บาท เป็นเงิน 362,304 บาท วันที่ 3 ตุลาคม 2549 ซื้อ 208,800 กล่อง ราคากล่องละ 5.20 บาท เป็นเงิน 1,085,760 บาท มีนายถนอมศักดิ์ลงชื่อในใบสั่งซื้อส่งโดยเครื่องโทรสารของจำเลย โจทก์ส่งสินค้าให้แก่จำเลย ณ ที่อยู่ตามที่ระบุในใบสั่งซื้อ รวมเงินทั้งสิ้น 1,422,285.60 บาท โจทก์ลดราคาให้จำเลย 15,531.60 บาท คงเหลือราคาที่จำเลยต้องชำระเป็นเงิน 1,406,754 บาท ต่อมาวันที่ 15 ธันวาคม 2549 จำเลยร่วมสั่งจ่ายเช็ค จำนวนเงิน 1,105,104 บาท ให้แก่โจทก์ แต่เช็คถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ส่วนจำเลยมีนางโชติรสเป็นพยานเบิกความว่า นางโชติรสเป็นผู้จัดการสำนักงานจำเลย มีหน้าที่ตรวจสอบและอนุมัติการจัดซื้อของจำเลย จำเลยไม่เคยสั่งซื้อผลิตภัณฑ์นม ยู.เอช.ที. จากโจทก์ เมื่อจำเลยถูกโจทก์ทวงถาม จำเลยจึงตรวจสอบพบว่าจำเลยร่วมสั่งนายถนอมศักดิ์ให้ซื้อผลิตภัณฑ์นม ยู.เอช.ที. จากโจทก์โดยนางฉัตร์ชากรณ์สั่งซื้อผลิตภัณฑ์นม ยู.เอช.ที. จากจำเลยร่วม ทั้งนี้นายถนอมศักดิ์ระบุใบสั่งซื้อให้โจทก์ส่งสินค้าไปให้นายวิชาญที่จังหวัดสระบุรี และนางฉัตร์ชากรณ์ที่จังหวัดศรีสะเกษ จำเลยร่วมสั่งนายถนอมศักดิ์ว่าเป็นการซื้อสินค้าในฐานะส่วนตัวจำเลยร่วม ไม่เกี่ยวกับจำเลย นายถนอมศักดิ์จึงไม่ได้เสนอใบสั่งซื้อให้นางโชติรสสั่งอนุมัติการซื้อ เห็นว่า นายถนอมศักดิ์เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลย นายถนอมศักดิ์ติดต่อกับโจทก์ขอซื้อผลิตภัณฑ์นม ยู.เอช.ที. จากโจทก์ในระบบเงินเชื่อ เมื่อโจทก์ตกลงขายให้ในระบบเงินเชื่อ นายถนอมศักดิ์ก็สั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากโจทก์โดยโทรสารจากสำนักงานจำเลย หลังจากที่โจทก์ส่งสินค้าตามใบสั่งซื้อทั้งหมดแล้ว จำเลยร่วมได้สั่งจ่ายเช็คชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์จึงไม่ได้รับชำระหนี้ จะเห็นได้ว่านายถนอมศักดิ์และจำเลยร่วมต่างก็เป็นผู้ทำการแทนจำเลย โดยนายถนอมศักดิ์ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลย หากนายถนอมศักดิ์ขายหรือสั่งซื้อสินค้าโดยอ้างว่ากระทำไปในฐานะผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลย บุคคลภายนอกย่อมเข้าใจว่าเป็นการขายหรือซื้อสินค้าโดยจำเลย ส่วนจำเลยร่วมเป็นกรรมการผู้มีอำนาจคนหนึ่งของจำเลย เมื่อจำเลยร่วมแสดงเจตนาในการขายหรือซื้อสินค้ากับบุคคลภายนอก บุคคลนั้นย่อมเข้าใจว่าตนซื้อขายสินค้ากับจำเลย การกระทำของจำเลยร่วมและนายถนอมศักดิ์จึงเป็นตัวแทนเชิดของจำเลย จำเลยจึงต้องผูกพันในการซื้อขายสินค้าตามฟ้องกับโจทก์
ที่จำเลยฎีกาว่า ใบสั่งซื้อสินค้าที่นายถนอมศักดิ์ส่งโทรสารให้โจทก์ไม่มีลายมือชื่อนางโชติรสอนุมัติให้ซื้อและการส่งสินค้าทั้งหมดให้แก่บุคคลอื่น สถานที่อื่น มิใช่แก่จำเลยในที่ทำการของจำเลย ทั้งการที่จำเลยร่วมสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์นั้น เป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยร่วมมิใช่เช็คจากบัญชีของจำเลย ดังนั้นจำเลยจึงไม่ใช่ผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การอนุมัติโดยผู้มีอำนาจของจำเลยให้ซื้อสินค้าเป็นระเบียบปฏิบัติของงานบริหารภายในสำนักงานของจำเลยเท่านั้น ส่วนการส่งสินค้าให้แก่บุคคลอื่นในสถานที่อื่นมิใช่ที่ทำการของจำเลยเป็นไปตามที่ระบุในใบสั่งซื้อสินค้าอันเข้าใจได้ว่าเป็นปกติของการค้าขายที่ผู้ซื้ออาจขายต่อแก่ผู้อื่นหรือนำสินค้าไปส่งต่อตามทางธุรกิจของตน ส่วนเช็คที่จำเลยร่วมสั่งจ่ายให้แก่โจทก์ แม้เป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยร่วม แต่ในฐานะที่จำเลยร่วมเป็นกรรมการของจำเลย หากจำเลยร่วมจะชำระหนี้ในนามจำเลย จำเลยร่วมจะใช้วิธีชำระหนี้ด้วยประการใดก็ขึ้นอยู่กับความสะดวก แม้จะไม่ใช้เช็คส่วนตัวของจำเลยร่วม แต่หากมีเช็คของลูกค้ารายอื่นที่สั่งจ่ายชำระหนี้แก่จำเลยโดยจำเลยร่วมรับไว้ จำเลยร่วมอาจนำเช็คเหล่านั้นซึ่งมีจำนวนเงินพอที่จะชำระหนี้ใช้ชำระแก่โจทก์ก็ได้ พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของจำเลยที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share