คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1205/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองมิได้ปลอมเช็คตามฟ้องและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาปลอมเอกสาร จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา และเมื่อโจทก์มิได้ฎีกาว่าเช็คตามฟ้องเป็นเอกสารปลอม การที่จำเลยที่ 2 นำเช็คนั้นไปใช้อ้างเป็นพยานในการดำเนินคดีมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมหรือไม่จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่ง ป.วิ.อ. มาตรา 222 บัญญัติว่า ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คตามฟ้องไม่ใช่เอกสารปลอม ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 นำเอกสารดังกล่าวไปใช้จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 266, 268, 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย และหนังสือรับรองให้ปลูกสร้างอาคารในที่ดินตามฟ้อง ส่วนเช็คตามฟ้องเป็นเอกสารปลอม แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นผู้กระทำ พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266 ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี และให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 1ทุกข้อหา
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย และข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมหนังสือรับรองให้ปลูกสร้างอาคารและเช็คตามฟ้องไม่ใช่เอกสารปลอม พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในข้อหาใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268ประกอบด้วยมาตรา 266 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีคงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในชั้นนี้แต่เพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสาร(เช็ค) ปลอมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฎีกาอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ปลอมเช็คดังกล่าวแล้วนำไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม โดยมิได้กล่าวอ้างว่าบุคคลอื่นเป็นผู้ปลอม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วว่า จำเลยทั้งสองมิได้ปลอมเช็คตามฟ้อง และพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาปลอมเอกสาร ปัญหาว่าจำเลยที่ 2ปลอมเช็คหรือไม่ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้นและเมื่อโจทก์มิได้ฎีกาว่าเช็คตามฟ้องเป็นเอกสารปลอม การที่จำเลยที่ 2 นำเช็คนั้นไปใช้อ้างเป็นพยานในการดำเนินคดีมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมหรือไม่ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 บัญญัติว่า “ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน” ข้อนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คตามฟ้องไม่ใช่เอกสารปลอม ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 นำเอกสารดังกล่าวไปใช้จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266…”
พิพากษายืน.

Share