แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมแล้วลงความเห็นว่า ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือชื่อของส. นั้น เป็นการแสดงความเห็นตามหลักวิชาการ หาได้รับฟังถ้อยคำจากบุคคลใดมากล่าว ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจึงมิใช่พยานบอกเล่าแต่ศาลก็มิได้รับฟังคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักในการวินิจฉัยเสมอไป หากแต่รับฟังประกอบดุลพินิจของศาลเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกแทนที่นายประเสริฐจำเลยเป็นน้องสาวของนางสุวรรณา ร่วมบิดามารดาเดียวกัน จึงเป็นทายาทอันดับที่ 3 ถูกตัดมิให้รับมรดกของนางสุวรรณา วันที่ 7มกราคม 2531 จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางสุวรรณาโดยอ้างว่านางสุวรรณาทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2527 ยกทรัพย์สินบางส่วนให้แก่จำเลยและตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก พินัยกรรมซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นของนางสุวรรณานั้น นางสุวรรณามิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อและพิมพ์ลายนิ้วมือจึงตกเป็นโมฆะ ต่อมาจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกในที่ดินทุกแปลงได้จดทะเบียนโอนที่ดินมรดกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย การกระทำของจำเลยเป็นการไม่ชอบเพราะพินัยกรรมเป็นโมฆะ จำเลยไม่มีสิทธิทำนิติกรรมใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนางสุวรรณา และไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกนั้นไว้ โจทก์เป็นผู้ได้รับความยินยอมจากบรรดาทายาทให้เป็นผู้จัดการมรดกและโจทก์เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อยไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดก จึงขอให้ศาลพิพากษาให้พินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2527 ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นของนางสุวรรณาเป็นโมฆะ ให้ถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสุวรรณา และแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางสุวรรณา ให้เพิกถอนการจดทะเบียนทำนิติกรรมของจำเลยซึ่งได้กระทำในฐานะผู้จัดการมรดกและผู้รับมรดกตามพินัยกรรมในที่ดินทรัพย์มรดกโฉนดเลขที่ 3776 ตำบลบ้านไร่ อำเภอดำเนินสะดวกจังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 1408 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอลำพระยาจังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 6526 ตำบลดอนทราย อำเภอดำเนินสะดวกจังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 2563 ตำบลดีบอน อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 6604 ตำบลวัดแก้ว อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 11304 ตำบลทำนบ อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี และโฉนดเลขที่ 1445 ตำบลวัดแก้ว อำเภอบางแพจังหวัดราชบุรี ให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนางสุวรรณา ที่จำเลยยึดถือไว้ทุกแปลงให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นางสุวรรณาเป็นผู้ทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1พฤศจิกายน 2527 ขึ้นด้วยความสมัครใจ ขณะทำพินัยกรรมนางสุวรรณามีสติสมบูรณ์ จึงเป็นพินัยกรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยร้องขอให้ศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม โจทก์และผู้มีส่วนได้เสียทราบแต่มิได้คัดค้านประการใด ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก หลังจากนั้นจำเลยได้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนลงชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกในโฉนดที่ดินของนางสุวรรณาฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เพราะมิได้ฟ้องภายใน 3 เดือน นับแต่โจทก์รู้เหตุแห่งการที่จะขอให้เพิกถอนพินัยกรรมได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสุวรรณาผู้ตายและตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทน ให้เพิกถอนการจดทะเบียนของจำเลยซึ่งกระทำในฐานะผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมในที่ดินทรัพย์มรดกโฉนดเลขที่ 3776 ตำบลบ้านไร่ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 1408 ตำบลบ้านใหม่อำเภอลำพระยา จังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 6526 ตำบลดอนทรายอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 2563 ตำบลดีบอนอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 6604 ตำบลวัดแก้วอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 11304 ตำบลทำนบอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โฉนดเลขที่ 1445 ตำบลวัดแก้วอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี และให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกที่จำเลยยึดถือไว้ให้แก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์เป็นบุตรของนายประเสริฐ นัทธี กับนางจุไรรัตน์ นัทธีนายประเสริฐเป็นบุตรของนางสุวรรณา นัทธี แต่นายประเสริฐถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว ต่อมาวันที่ 13 มกราคม 2528 นางสุวรรณาถึงแก่กรรม ปรากฏตามภาพถ่ายใบมรณบัตรเอกสารหมาย ล.50 จำเลยเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกับนางสุวรรณา จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก โดยอ้างว่านางสุวรรณาได้ทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2527 ยกทรัพย์มรดกให้จำเลยและทายาทอื่นไว้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยนำคำสั่งศาลดังกล่าวไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนลงชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะผู้รับมรดกตามพินัยกรรมในโฉนดที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนางสุวรรณา ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า พินัยกรรมที่จำเลยอ้างนั้นสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาเป็นประการแรกว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานบอกเล่าไม่มีน้ำหนักพอหักล้างคำประจักษ์พยานผู้ทำพินัยกรรมผู้รู้เห็นด้วยตาและหูของตนเอง ศาลจึงไม่น่ารับฟังคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักในการวินิจฉัยนั้นเห็นว่า การที่พันตำรวจโทศรีวิทย์ เจียมเจริญ ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมที่จำเลยอ้างเปรียบเทียบกับตัวอย่างลายมือชื่อที่แท้จริงของนางสุวรรณาแล้วลงความเห็นว่า ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือชื่อของนางสุวรรณานั้น เป็นการแสดงความเห็นตามหลักวิชาการ หาได้รับฟังถ้อยคำจากบุคคลใดมากล่าวความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจึงมิใช่พยานบอกเล่า แต่ศาลก็มิได้รับฟังคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักในการวินิจฉัยเสมอไป หากแต่รับฟังประกอบดุลพินิจของศาลเท่านั้น จำเลยฎีกาในประการต่อมาว่าหลักการเบื้องต้นในการสังเกตลายมือชื่อให้สังเกตจากลีลาการเขียนการลากเส้น การยกปากกา และรูปลักษณะของตัวอักษรมิใช่สังเกตุลายเส้นว่า มีลักษณะขรุขระไม่ราบเรียบดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนั้น เห็นว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมที่จำเลยอ้างมีลายเส้นขรุขระไม่ราบเรียบเหมือนตัวอย่างลายมือชื่อที่แท้จริงของนางสุวรรณา ซึ่งลายเส้นที่มีลักษณะขรุขระไม่ราบเรียบถือได้ว่าเป็นลีลาการเขียนการลากเส้นที่ต้องพิเคราะห์เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ลักษณะตัวอักษรลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมมีลักษณะตัวอักษรเป็นเหลี่ยมไม่กลมกลึงเหมือนตัวอย่างลายมือชื่อที่แท้จริงของนางสุวรรณา อีกทั้งคำว่า”ณา” ตามตัวอย่างลายมือชื่อมีลักษณะการเขียนที่ไม่ยกปากกาเลยแต่ตามพินัยกรรมมีการยกปากกา จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่าลายมือชื่อนางสุวรรณา นัทธี ในพินัยกรรมที่จำเลยอ้างเป็นลายมือชื่อปลอมดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ส่วนที่จำเลยฎีกาในประการสุดท้ายโต้แย้งข้อเท็จจริงว่า จำเลยแจ้งให้โจทก์มารับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมหลังจากนางสุวรรณาถึงแก่กรรมเป็นเวลา 3 ปี ไม่เป็นข้อพิรุธอันใดนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมตามที่จำเลยอ้างเป็นลายมือชื่อปลอมแล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน