แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ไม้ด้ามจอบขนาดกลมโต 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอาจถึงแก่ความตายได้ แม้จะตีเพียงครั้งเดียว แต่กะโหลกศีรษะแตก 5 เซนติเมตร มันสมองช้ำ และกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยแตกเป็นชิ้น ๆ มีโลหิตตกในเยื่อหุ้มสมอง แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ไม้ตีทำร้ายร่างกายผู้ตายถูกบริเวณศีรษะจนล้มลง แล้วขับรถยนต์สองแถวทับ ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าผู้ตายตายเพราะแผลที่จำเลยที่ 1 ตี ฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ด้ามจอบขนาดกลมโต 3 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอาจถึงแก่ความตายได้ แม้จะตีเพียงครั้งเดียว แต่แสดงว่าจำเลยตีโดยแรงจนกะโหลกศีรษะแตก 5 เซนติเมตร มันสมองช้ำและกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยแตกเป็นชิ้น ๆ มีโลหิตตกในเยื่อหุ้มสมอง การตีของจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่เห็นว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษหนักเกินไป
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี