แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในแนวทางที่จะสร้างทางหลวงพิเศษมี สิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน อสังหาริมทรัพย์ได้ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76วรรคสอง ซึ่งบัญญัติให้เรียกดอกเบี้ย ได้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากยอดเงินที่จะต้องชำระเพิ่มขึ้น นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ใช้บังคับ หาใช่นับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 17054แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน20 ตารางวา อยู่ริมถนนเพชรเกษม เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2523มีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงพิเศษสายพระประแดง – บางแค – ตลิ่งชัน – บางบัวทอง ตอนพระประแดง – บางแค – ตลิ่งชัน พ.ศ. 2523 มีอธิบดีของจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกา จำเลยกำหนดว่าที่ดินโจทก์ตกอยู่ในเขตแนวทางหลวง 226 ตารางวา และกำหนดค่าทดแทนให้ตารางวาละ 2,600 บาท เป็นเงิน 587,600 บาท ต่ำกว่าราคาซื้อขายในท้องตลาดขณะนั้น โจทก์ควรได้ค่าทดแทนตารางวาละ 10,500 บาทเป็นเงิน 2,373,000 บาท และที่ดินโจทก์เหลือด้านติดถนนเพชรเกษมน้อยกว่าเดิมทำให้ราคาตกไป โจทก์ควรได้ค่าทดแทนเป็นกรณีพิเศษอีก 100,000 บาท จำเลยต้องจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์อีก 1,885,400 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวถึงวันฟ้อง รวมต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงิน 2,910,586.25 บาทขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 1,885,400 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นเกณฑ์กำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ซึ่งเป็นธรรมเหมาะสมชอบด้วยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76 แล้วที่ดินโจทก์ที่เหลือราคาไม่ตก และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเพิ่มเป็นกรณีพิเศษได้ โจทก์ไม่เคยทวงถามให้จำเลยชำระค่าทดแทนเพิ่มจึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ควรได้รับค่าทดแทนสูงขึ้นเป็นตารางวาละ 8,000 บาท และได้ดอกเบี้ยในส่วนที่ยังไม่ได้รับนับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครองที่ดินโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเพิ่มเป็นกรณีพิเศษพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน1,220,400 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 12 มกราคม 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2523 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับปัญหาในเรื่องดอกเบี้ยที่จำเลยฎีกาความว่า การออกพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงทางราชการต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ก่อน จึงจะเริ่มเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้ และจำเลยได้แจ้งการเข้าครอบครองที่ดินของโจทก์ตามหนังสือลงวันที่ 12 ธันวาคม 2528 ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2523 ซึ่งเป็นวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงมีผลใช้บังคับจึงไม่ชอบนั้นเห็นว่าประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคสอง ก็บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ชำระเงินเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินนั้นตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับเช่นนี้ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2523 จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.