แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้น โจทก์ขอหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลย ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชนะ จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ถอนการยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 251 ศาลสั่งอนุญาต และให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย และค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี นั้น เป็นการที่ชอบ เพราะโจทก์เป็นผู้แพ้คดี โจทก์ต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมไปจนกว่าศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น และเรื่องความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย จำเลยแพ้คดีและขอทุเลาการบังคับคดี และไม่นำหลักทรัพย์มาประกันภายในกำหนด โจทก์ขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยชนะคดีโจทก์ จึงร้องขอถอนการยึดทรัพย์ ในที่สุดศาลชั้นต้นสั่งถอนการยึดทรัพย์ ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย และค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีถอนการยึดนั้น ถูกต้องแต่หมายถึงว่าเป็นการเสียค่าธรรมเนียมชั่วคราวระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดเท่านั้น พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยขอให้ถอนการยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๑ และศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย และค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีนั้นชอบแล้ว เพราะโจทก์เป็นผู้แพ้คดี โจทก์จึงต้องมีความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมไปจนกว่าศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ที่โจทก์ฎีกาว่าการถอนการยึดนี้เป็นไปตามอำนาจของกฎหมาย ไม่ใช่เพราะโจทก์ขอถอนโดยสมัครใจ จึงไม่ควรต้องรับผิดนั้นเห็นว่า เรื่องความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๖๑ ไม่ใช่ต้องเพราะโจทก์เป็นฝ่ายขอถอน โจทก์จึงจะต้องรับผิด
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์