แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้โจทก์รื้อถอนเสาคอนกรีต แนวรั้วและปรับที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเดิมและขนสิ่งของทั้งหมดที่โจทก์นำไปวางไว้ที่บริเวณใต้ถุนบ้านและในที่ดินของจำเลยออกให้หมด ถ้าโจทก์ไม่กระทำให้จำเลยดำเนินการโดยให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้องเฉพาะส่วนของนางแม้น และให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์บ้านเลขที่ 38 ซึ่งอยู่บนที่ดินดังกล่าวด้วย
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์พร้อมบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินของจำเลย และห้ามโจทก์และบริวารไปยุ่งเกี่ยวอีกต่อไปทั้งให้โจทก์รื้อถอนเสาคอนกรีต แนวรั้วไม้ และปรับที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเดิมและขนสิ่งของทั้งหมดที่โจทก์นำไปวางไว้ที่บริเวณใต้ถุนบ้านและในที่ดินของจำเลยออกไปให้หมด ถ้าโจทก์ไม่กระทำให้จำเลยมีอำนาจกระทำโดยให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวทั้งหมด
โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์พร้อมบริวารออกไปจากบ้านและที่ดินของจำเลยตามแผนที่วิวาทหมาย จ.ล.3 (ที่ถูกคือ จ.3) ในกรอบสีเขียว และห้ามโจทก์และบริวารเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้โจทก์รื้อถอนเสาคอนกรีต แนวรั้วไม้และปรับที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเดิมและขนสิ่งของทั้งหมดที่โจทก์นำไปวางไว้ที่บริเวณใต้ถุนบ้านและในที่ดินของจำเลยออกไปให้หมด ถ้าโจทก์ไม่กระทำให้จำเลยดำเนินการโดยให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย กับให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องของโจทก์เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของโจทก์ที่ว่า โจทก์ซื้อบ้านและที่ดินตามแผนที่วิวาทในกรอบสีแดงจากนางแม้น และเข้าครอบครองบ้านและที่ดินดังกล่าวทั้งหมดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลล่าง
ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้โจทก์รื้อถอนเสาคอนกรีต แนวรั้วและปรับที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเดิมและขนสิ่งของทั้งหมดที่โจทก์นำไปวางไว้ที่บริเวณใต้ถุนบ้านและในที่ดินของจำเลยออกให้หมด ถ้าโจทก์ไม่กระทำให้จำเลยดำเนินการโดยให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอในส่วนที่ให้จำเลยดำเนินการรื้อถอนเสาคอนกรีต แนวรั้วและปรับที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเดิมและขนสิ่งของทั้งหมดที่โจทก์นำไปวางไว้ที่บริเวณใต้ถุนบ้านและในที่ดินของจำเลย ในกรณีที่โจทก์ไม่กระทำโดยให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ