แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกสร้างตึกแถวต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไปจึงได้บอกเลิกการเช่าและให้รื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่เช่าในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปด้วย ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาคือสัญญาเช่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือโจทก์ไม่ประสงค์จะให้เช่าต่อไป และได้บอกเลิกการเช่าแล้ว คำขอบังคับคือให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินโจทก์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว และจำเลยก็เข้าใจคำฟ้องได้ดี ดังที่ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินจำเลยมิได้เช่าที่ดังกล่าวจากโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมที่โจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยเช่าที่ดินตรงทิศไหน มุมไหน หรือส่วนไหนของโฉนด ไม่ทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินที่อ้างว่าจำเลยเช่าแนบมากับฟ้องนั้น ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่จำต้องระบุว่าให้ฟ้องที่ศาลไหนเพราะการจะฟ้องคดีที่ไหนนั้นต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายพงศธร พลางกูร เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทน โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11683 แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำเลยได้เช่าที่ดินบางส่วนของโฉนดดังกล่าวจากโจทก์เพื่อปลูกสร้างโรงเรือนตึกแถวเลขที่ 520 โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป จึงได้บอกกล่าวเลิกการเช่า ให้รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520 ถนนลาดพร้าวแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งขนย้ายทรัพย์สินกับบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน จำเลยไม่ได้เช่าที่ดังกล่าวจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตึกแถว เลขที่ 520 ถนนลาดพร้าว แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินของโจทก์ พร้อมทั้งให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11683 แขวงลาดยาว เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร จำเลยได้เช่าที่ดินบางส่วนในที่ดินโฉนดดังกล่าวปลูกตึกแถวเลขที่ 520 แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานครต่อมาโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยขนย้ายรื้อถอนบ้านและทรัพย์สินออกจากที่ดินโจทก์ภายในวันที่ 20 เมษายน 2531ครบกำหนด จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมอบอำนาจให้นายพงศธร พลางกูรฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาแรกที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่าจำเลยเช่าที่ดินตรงทิศไหนมุมไหนหรือส่วนไหนของโจทก์ ทั้งมิได้ทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินที่อ้างว่าจำเลยเช่าแนบมาด้วย เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ อ้างว่าจำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกสร้างโรงเรือนเลขที่ 520 ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไปจึงได้บอกเลิกการเช่า และให้รื้อถอนขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์ ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520 ออกจากที่ดินของโจทก์ ทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปด้วย ดังนี้คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาคือสัญญาเช่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือโจทก์ไม่ประสงค์จะให้เช่าต่อไป และได้บอกเลิกการเช่าแล้ว คำขอบังคับคือให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวเลขที่ 520 ออกจากที่ดินของโจทก์และขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินโจทก์ ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว และจำเลยก็เข้าใจคำฟ้องได้ดีดังจะเห็นได้จากที่ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน จำเลยมิได้เช่าที่ดังกล่าวจากโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ที่โจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยเช่าที่ดินตรงทิศไหน มุมไหน หรือส่วนไหนของโฉนดไม่ทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินที่อ้างว่าจำเลยเช่าแนบมากับฟ้องนั้นไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่สองที่จำเลยฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ระบุว่าให้ฟ้องที่ศาลไหน และตัวโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันด้วยตนเองนั้น เห็นว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่จำต้องระบุว่าให้ฟ้องที่ศาลไหน เพราะการจะฟ้องคดีที่ไหนนั้นต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ที่ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์อาศัยหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมายเลข 1 ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลที่ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตอำนาจนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าตัวโจทก์ไม่ได้มาเบิกความยืนยันว่าได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้รับมอบอำนาจ ศาลไม่ควรเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง เพราะคดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์และได้ความตามคำเบิกความของนายพงศธรผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เดือนละ 70 บาท ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน