คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามโฉนดจำเลยบุกรุกเข้าแย่งการครอบครอง จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในสิทธิครอบครองของจำเลย ปรากฏตามฟ้องว่าโฉนดของโจทก์ทับที่ของจำเลยอยู่เป็นเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โฉนดดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนแห่งระเบียบและกฎหมายโดยจำเลยไม่เคยทราบเรื่องเลย เป็นการต่อสู้ในเรื่องสิทธิในที่พิพาท และโต้เถียงว่าโฉนดที่โจทก์อ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย. ไม่มีผลให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินจำเลย จากฟ้องและคำให้การดังกล่าวข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะพิพาทที่พิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลยปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า โฉนดตามฟ้องถูกต้องตามกฎหมาย ที่ดินตามโฉนดเป็นของโจทก์มิใช่ของจำเลย การออกโฉนดได้กระทำถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่ ซึ่งโจทก์เป็นผู้กล่าวอ้างจะต้องนำสืบให้เห็นว่าความจริงเป็นดังที่อ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกไถที่ดินของโจทก์แปลงโฉนดที่ 5370, 6386 และ 6390 ซึ่งโจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อ ตามแผนที่ท้ายฟ้อง ขอให้ขับไล่

จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินโฉนดที่ 5370, 6380 และ 6390 ของโจทก์ตามฟ้อง จำเลยไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ที่ไหน หากโฉนดดังกล่าวหมายเอาที่ดินส่วนของจำเลยด้วยก็เป็นการออกทับที่ของจำเลย โจทก์อ้างว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อ ว่าเป็นที่ดินมีโฉนดแล้ว จำเลยไม่ทราบว่าผู้ขายเป็นใคร ขายที่ดินแปลงไหน เขาทำโฉนดตั้งแต่เมื่อไร ปรากฏตามฟ้องว่าโฉนดนั้นทับที่ดินของจำเลย ซึ่งจำเลยครอบครองอยู่ประมาณ 10 ไร่ โฉนดดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย มิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนแห่งระเบียบและกฎหมายโดยจำเลยไม่ทราบเรื่องเลย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะไม่ระบุว่าที่ดินตามฟ้องซื้อจากผู้ใดขอให้ยกฟ้องและเพิกถอนโฉนดที่ 5370, 6386 และ 6390 ที่ออกทับที่ของจำเลยโดยไม่ชอบ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โฉนดของโจทก์เจ้าพนักงานทำขึ้นโดยชอบด้วยระเบียบข้อบังคับและกฎหมายทุกประการ ฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุม ไม่บรรยายให้ชัดว่าโฉนดที่ดินของโจทก์ทับที่ของจำเลยหรือไม่เพียงไร ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องและฟ้องแย้งไม่เคลือบคลุมที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา เมื่อปรากฏว่าเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์เข้ามาอยู่ในที่พิพาท ย่อมแสดงว่าได้ออกทับที่ของจำเลยพิพากษายกฟ้องและให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 5370, 6386 และ 6390 ที่ออกทับที่ของจำเลย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยไม่เคลือบคลุม วินิจฉัยในเรื่องหน้าที่นำสืบว่า

ที่โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทที่โจทก์ฟ้องเป็นที่ดินมีโฉนดจำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย โจทก์เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 จำเลยจึงต้องเป็นผู้นำสืบก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน ไม่เป็นการถูกต้องนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทอ้างว่าเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามโฉนดตามฟ้อง จำเลยบุกรุกเข้าแย่งการครอบครองโดยเข้าตัดฟันต้นไม้และเผาแล้วใช้รถไถที่ดินนั้น จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินในสิทธิครอบครองของจำเลย ปรากฏตามฟ้องว่าโฉนดของโจทก์ทับที่ของจำเลยอยู่เป็นเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โฉนดดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายโดยจำเลยไม่เคยทราบเรื่องเลยเป็นการต่อสู้ในสิทธิในที่พิพาท และโต้เถียงว่าโฉนดที่อ้างไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีผลให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลย จากฟ้องและคำให้การดังกล่าวข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะพิพาทที่พิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสองปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า โฉนดที่ฟ้องถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย โดยที่ดินตามโฉนดนั้นเป็นที่ดินของโจทก์มิใช่ของจำเลย และการออกโฉนดนั้นได้กระทำถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่ ซึ่งโจทก์ผู้กล่าวอ้างจะต้องนำสืบให้เห็นว่าความจริงเป็นดังที่อ้างศาลชั้นต้นกำหนดหน้าที่ให้โจทก์เป็นผู้นำสืบก่อนจึงเป็นการถูกต้องแล้ว

และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยถือสิทธิครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา โจทก์หรือผู้ใดหามีสิทธิในที่พิพาทไม่

พิพากษายืน

Share