แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ถ้าจะขาดจากการสมรสภายหลังที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กรณีเรื่องขาดจากการสมรสไม่ใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดจากการสมรสตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 แต่เป็นกรณีที่จะสิ้นความสัมพันธ์ต่อกัน
การหย่ากันโดยความยินยอม โดยมิได้ทำเป็นหนังสือตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้น ไม่มีผลทำให้ขาดจากการสมรส
โจทก์เป็นสามีภริยากับผู้ตาย เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์กับผู้ตายขาดจากกัน จำเลยต้องนำสืบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของขุนเจนจบทิศพ.ศ. 2487 ขุนเจนจบทิศได้จำเลยเป็นภริยา ขุนเจนจบทิศเป็นข้าราชการออกเมื่อ พ.ศ. 2497 ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2505 มีเงินจ่ายให้ทายาทตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญเป็นเงิน 108,750 บาทเงินค่าทำศพอีก 3,625 บาท โจทก์มีสิทธิได้รับจำเลยขอรับเงินดังกล่าวขอให้พิพากษาว่าทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับขุนเจนจบทิศเป็นโมฆะจำเลยไม่ใช่ภริยาชอบด้วยกฎหมายอันจะมีสิทธิรับเงิน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยจดทะเบียนสมรสกับขุนเจนจบทิศเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2503 โจทก์หย่าขาดจากขุนเจนจบทิศก่อนที่ขุนเจนจบทิศจะได้จำเลยเป็นภริยาจำเลยเป็นผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จตกทอดและเงินค่าทำศพ จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์ และห้ามโจทก์มิให้ขัดขวางการรับเงินและพิพากษาว่าจำเลยมีสิทธิรับเงิน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มิได้หย่าขาดกับขุนเจนจบทิศ ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของขุนเจนจบทิศไม่ได้หย่าขาดจากกัน พิพากษาว่าการสมรสระหว่างขุนเจนจบทิศและจำเลยเป็นโมฆะ โจทก์มีสิทธิรับเงินให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นสามีภริยากับขุนเจนจบทิศ เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์กับขุนเจนจบทิศขาดจากกัน เป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบแม้ขุนเจนจบทิศกับโจทก์เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ถ้าจะขาดจากการสมรสภายหลังที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ เพราะพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 ให้ใช้บรรพนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2478 เป็นต้นไป ทั้งระบุไว้ในมาตรา 4 ว่า บทบัญญัติแห่งบรรพนี้ไม่กระทบกระเทือนถึง (1) การสมรสซึ่งได้มีอยู่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายบรรพนี้ทั้งสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแต่การสมรสนั้น (2) การใช้อำนาจปกครอง ความปกครอง ฯลฯ ซึ่งแสดงอยู่ในตัวว่าถ้าไม่เข้ากรณีตามมาตรา 4 นี้ บทบัญญัติในบรรพ 5 ก็ใช้บังคับทันทีสำหรับกรณีเรื่องขาดจากการสมรส ไม่ใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดจากการสมรสตามมาตรา 4 แต่เป็นกรณีที่จะสิ้นความสัมพันธ์ต่อกัน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 บัญญัติถึงการขาดจากการสมรสไว้ 3 ประการ คือ ตายจากกัน หย่ากันโดยความยินยอมและศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน การหย่ากันโดยความยินยอมนั้นมาตรา 1498 บัญญัติว่า ต้องทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคน การเลิกเป็นสามีภริยากันโดยมิได้ทำเป็นหนังสือตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงไม่มีผลทำให้ขาดจากการสมรส
ส่วนข้อเท็จจริงนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยนำสืบฟังไม่ได้ว่าโจทก์กับขุนเจนจบทิศขาดจากการสมรสก่อนและเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว
พิพากษายืน