แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เกิดในประเทศไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว เดินทางไปประเทศจีนเมื่อ พ.ศ. 2490 และกลับมาประเทศไทยเมื่อพ.ศ. 2491 แล้วไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวในปีนั้นและต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตลอดมา แม้พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 21 จะบัญญัติว่า”ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่า ด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว ให้เสียสัญชาติไทย” โดยไม่มีข้อความว่า “ไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือ หลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ” ดังบัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. 2495 มาตรา 16 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2496มาตรา 5 ที่ยกเลิกไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวตลอดมาจึงต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508มาตรา 21 ซึ่งมีผลให้โจทก์เสียสัญชาติไทย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสัญชาติไทย เกิดที่จังหวัดพัทลุง บิดาเป็นคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๔๙๐ โจทก์ไปประเทศจีน กลับมาประเทศไทยพ.ศ. ๒๔๙๑ ไม่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นคนไทย ตรวจคนเข้าเมืองให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเข้าเมืองเป็นคนต่างด้าวและขึ้นทะเบียนเป็นคนต่างด้าว ต่อมาโจทก์ร้องขอคืนสัญชาติไทยไปยังจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองว่าโจทก์เสียสัญชาติไทยไปแล้ว ไม่ยอมให้โจทก์มีสัญชาติไทย ขอศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสัญชาติไทย ให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนคืนสัญชาติไทยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์เสียสัญชาติไทยไปแล้ว ไม่มีสิทธิขอสัญชาติไทย โจทก์ยังถือและต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวทุกปี แสดงว่าเจตนาสละสัญชาติไทย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสัญชาติไทย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เกิดในประเทศไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๔๙๐ โจทก์ไปประเทศจีน กลับมาประเทศไทยเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๑ แล้วโจทก์ไปขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวในปีเดียวกันทั้งได้ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวติดต่อตลอดมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๒๑บัญญัติว่า “ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว ถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว ให้เสียสัญชาติไทย” แม้ไม่มีข้อความว่า”ไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือหลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ” ดังบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๔๙๕มาตรา ๑๖ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๕ ที่ยกเลิกไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๙๑ ตลอดมา จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๒๑ ย่อมมีผลให้โจทก์เสียสัญชาติไทย
พิพากษายืน