แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 294 เพิ่มโทษและลดโทษ มีส่วนเท่ากันให้หักกลบลบกันไปคงจำคุก 1 ปี พ้นโทษแล้วให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันมีกำหนด 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ แม้คู่ความจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ก็ดี แต่เมื่อจำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อ ก.ม.ขึ้นมาศาลฎีกาแล้ว และศาลฎีกาเห็นในข้อ ก.ม.ตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาให้งดส่งตัวจำเลยไปกักกันเสียได้
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๔ และให้กักกันจำเลยมีกำหนด ๓ ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลเพิ่มโทษจำเลยไม่ถูก
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างเพิ่มโทษจำเลยชอบแล้ว ส่วนโทษกักกันเห็นว่าจำเลยเป็นหญิงอายุ ๒๔ ปี ควรงดส่งตัวจำเลยไปกักกัน เพื่อให้โอกาศจำเลยประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป
จึงพิพากษาแก้ ให้งดส่งตัวจำเลยไปกักกันเสีย นอกจากนั้นยืน