คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1589/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ชายเลนเพิ่งดอนเวลาน้ำขึ้นยังท่วมถึง จึงเป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ผู้ใดจะครอบครองนานสักเท่าใดก็หาได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ แต่ถ้าหากบุคคลอื่นเข้ามาปลูกสร้างทำการใดๆ เป็นการขัดขวางต่อเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ย่อมถือว่าเจ้าของที่ดินนั้นเป็นผู้เสียหายพิเศษ และเป็นโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้ผู้ที่ขัดขวางสิทธิของตนระงับการขัดขวางหรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่งอกริมตลิ่งติดต่อกับที่ดินของโจทก์โฉนดที่ 720 ขอให้จำเลยรื้อโรงเคี่ยวน้ำตาลและโรงที่ลูกจ้างอาศัย ห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องและใช้ค่าเสียหาย 500 บาท

สำนวนที่ 2 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานปักหลักรุกที่ดินโฉนดที่ 720 ของโจทก์ ขอให้ถอนหลักและห้ามไม่ให้เกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่าโจทก์ซื้อที่โฉนดจากจำเลยที่ 2 ตกลงกันว่าที่งอกริมแม่น้ำ จำเลยไม่ขาย จำเลยครอบครองมา 10 ปีแล้ว สำนวนที่ 2 จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้นำชี้เข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์และจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่าที่งอกเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่และให้เสียค่าเสียหาย 500 บาท แต่ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะค่าเสียหายให้เพียง 5 บาท ผู้พิพากษานายหนึ่งแย้งว่าที่งอกที่น้ำท่วมถึงยังเป็นที่ชายตลิ่งอยู่ หาใช่ที่งอกไม่ แม้จำเลยจะไม่ได้เถียงว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ก็ไม่ควรยอมให้ที่สาธารณสถานเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ที่ว่าโจทก์ครอบครองก็ฟังไม่ได้

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ว่าเป็นที่ชายเลนเพิ่งดอนเวลาน้ำขึ้นยังท่วมถึง จำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าที่มีสภาพอย่างอื่น นอกจากที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จึงต้องฟังว่าที่ตอนนี้เป็นที่ชายตลิ่ง อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แม้โจทก์หรือจำเลยจะได้ครอบครองนานสักเท่าใด ก็หาได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองแต่ถ้าบุคคลอื่นเข้ามาปลูกสร้างทำการใด ๆ ให้เป็นการขัดขวางต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินย่อมถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายเป็นพิเศษ และโจทก์อาจเรียกร้องให้ผู้ที่ขัดขวางสิทธิของตนระงับการขัดขวางหรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ฉะนั้นถ้าสิ่งปลูกสร้างอยู่ในเส้นที่วัดจากจุดที่กากบาดไว้ในแผนที่ ก็ให้จำเลยรื้อถอนไป ส่วนค่าเสียหายให้ใช้15 บาท

Share