แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ที่ตัดฟันต้นสักเป็นที่ป่าอยู่แล้ว มีผู้เข้ามาถากถางทำการเพาะปลูกถั่วงาพืชล้มลุกชั่วฤดูคราว โดยยังไม่ได้รับหนัง สือสำคัญเกี่ยวกับกรรมสิทธิแต่อย่างใด เช่นนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้นั้นได้มาซึ่งที่ดินอันมีต้นสักนั้นตามกฎหมายที่ดิน ฉะนั้นจึงต้องถือว่าเป็นป่าตามกฎหมายป่าไม้ ผู้ใดไม่มีสิทธิจะตัดฟันไม้สักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานได้.
ย่อยาว
คดี ๖ สำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกันมา โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยตัดฟันไม้สักในป่าและซักลากเคลื่อนที่ไปไว้ที่ ริมฝั่งแม่น้ำปิง โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายผัน นายนาคจำเลยในคดีดำที่ ๗๐, ๗๑, ๗๒, ๗๓ และนายยาจำเลยคดีดำที่ ๗๑ มีความผิดฐาน ตัดฟันไม้สักตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ – ๗๓ ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้ง ๖ สำนวนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ที่ตัดฟันไม้สักเป็นที่ป่าอยู่แล้ว จำเลยมาถากถางทำการปลูกถั่วงาพืชล้มลุกชั่วฤดูคราว ส่วนต้นไม้สัก เว้นไว้ และนางขำ นายชวน นายชิน นางส้มเช้า จำเลย ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ขายต้นสักนั้นให้นายผันจำเลยทำ การตัดฟัน แม้จำเลยจะทำการปลูกพืชดังกล่าวมานาน ที่ป่านั้นก็หากลายเป็นที่ของจำเลยไม่
ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.