คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีการยื่นข้อเรียกร้องและมีการเจรจาตกลงกันแล้ว ไม่ว่าผลการเจรจาจะตกลงกันเป็นประการใด คู่กรณีทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้องถือปฏิบัติไปตามที่ได้ตกลงกัน การที่โจทก์เลิกจ้าง อ. กับพวกลูกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นยังมีผลใช้บังคับ ย่อมเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เลิกจ้างลูกจ้างผู้ร้องเพราะผู้ร้องฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน จึงไม่ใช่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามคำสั่งที่ 11/2533 ของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
จำเลยทั้งสิบสองให้การว่า โจทก์เลิกจ้างลูกจ้างผู้ร้องในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับเพราะผู้ร้องเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยื่นข้อเรียกร้องไม่ใช่เพราะมีความจำเป็นต้องลดจำนวนลูกจ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์กับสหภาพแรงงานในข้อสุดท้ายระบุไว้ว่า สภาพการจ้างอื่นที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลงให้คงไว้ตามเดิมซึ่งตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ตกลงกันไม่ได้ระบุถึงการเลิกจ้างไว้ด้วย การเลิกจ้างจึงต้องบังคับตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ อันถือว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มิได้เกิดจากการแจ้งข้อเรียกร้อง ไม่ต้องอยู่ในความหมายของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123การที่โจทก์เลิกจ้างนางสาวอรุณี กับพวกจึงไม่เป็นการเลิกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ เห็นว่าเมื่อมีการยื่นข้อเรียกร้องและมีการเจรจาตกลงกันแล้ว ไม่ว่าผลการเจรจาจะตกลงกันเป็นประการใด ทั้งสองฝ่ายก็ย่อมต้องถือปฏิบัติไปตามที่ได้ตกลงกัน อันเป็นผลจากการเจรจาตามข้อเรียกร้อง เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างยังมีผลใช้บังคับ การที่โจทก์เลิกจ้างนางสาวอรุณี กับพวก จึงเป็นการเลิกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 123 ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยปัญหานี้ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share