คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เกิดในประเทศไทย บิดาเป็นคนต่างด้าวและโจทก์ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ต่อมาจำเลยสั่งเนรเทศโจทก์ก่อนพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 มาตรา 7 ใช้บังคับ คำสั่งเนรเทศดังกล่าวย่อมเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ก่อนมีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 มาตรา 7 ใช้บังคับ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุคคลมีสัญชาติไทยซึ่งขณะฟ้องโจทก์ยังคงเป็นบุคคลขาดสัญชาติไทยอยู่ แม้ว่าต่อมาได้มีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 มาตรา 7 ใช้บังคับแล้วก็ดีปัญหาที่ว่า โจทก์จะได้สัญชาติไทยกลับคืนมาหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งโจทก์ฟ้องเพื่อขอแสดงว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยเพื่อจะให้ยกเลิกคำสั่งเนรเทศเท่านั้น

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์เกิดในประเทศไทย มีบิดาเป็นคนต่างด้าวและโจทก์ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโจทก์เล่นการพนันสลากกินรวบจำเลยจึงสั่งเนรเทศโจทก์

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุคคลสัญชาติไทยและให้เพิกถอนคำสั่งเนรเทศ

จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 โจทก์ขาดจากสัญชาติไทยแล้ว คำสั่งเนรเทศเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

จำเลยที่ 2 ตาย โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอนุญาต

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์

ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่าตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2496 มาตรา 16 ทวิ โจทก์ขาดจากสัญชาติไทยไปแล้วในขณะที่จำเลยมีคำสั่งเนรเทศโจทก์ แม้ต่อมาจะได้มีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 16 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2495 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 เสียแล้วก็ดี ก็หาทำให้คำสั่งเนรเทศโจทก์กลายเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไปได้ไม่เพราะคำสั่งเดิมที่ให้เนรเทศโจทก์นั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และพระราชบัญญัติสัญชาติที่ให้ยกเลิกฉบับหลังนี้ไม่มีบัญญัติพิเศษอะไรให้มีผลย้อนหลังอันจะกระทบกระเทือนถึงคำสั่งที่ให้เนรเทศโจทก์นั้น ทั้งโจทก์ก็เพิ่งฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคมพ.ศ. 2499 ซึ่งเป็นเวลาก่อนวันที่พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ใช้บังคับ ฉะนั้น ศาลจะเพิกถอนคำสั่งเนรเทศตามที่โจทก์ขอไม่ได้ ส่วนที่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุคคลสัญชาติไทยนั้น ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ก่อนที่ได้มีพระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 ใช้บังคับ ซึ่งขณะนั้นโจทก์ยังคงเป็นบุคคลขาดสัญชาติไทยอยู่ แม้ว่าบัดนี้ได้มีพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ใช้บังคับแล้วก็ดี ปัญหาที่ว่าโจทก์จะได้สัญชาติไทยกลับคืนมาหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งโจทก์ฟ้องเพื่อขอให้ถอนคำสั่งเนรเทศ

Share