คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เหตุสุดวิสัยหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นและให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่น้ำป่าพัดสะพานพัง ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่กรณีระดับน้ำในแม่น้ำเมยสูงขึ้นเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยปกติตามฤดูกาล โดยระดับน้ำในหน้าฝนจะสูงขึ้นเช่นนี้ ทุกปี ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาแม่สอด มีข้อสัญญาว่าหากส่งมอบงานล่าช้ายอมให้โจทก์ปรับ เมื่อโจทก์ลงมือทำงานเกิดพายุฝนตกหนัก ทำให้น้ำป่าพัดสะพานพัง การขนส่งอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้างต้องหยุดชะงัก ต่อมาในปีนั้นฝนตกมากกว่าปกติทุกปีทำให้น้ำในระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้น งานส่วนที่โจทก์ต้องทำในแม่น้ำจึงล่าช้าไป จำเลยทำงานเสร็จและขอเบิกค่าจ้าง จำเลยหักค่าภาษีเงินได้และค่าปรับไว้ ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า กรณีน้ำพัดสะพานพังแขวงการทางตากได้จัดการแก้ไขทำทางเบี่ยงให้รถแล่นผ่านได้ภายใน 10 วัน จำเลยจึงต่ออายุสัญญาให้โจทก์เพียง 10 วัน สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำที่ว่าสูงกว่าปกตินั้น เป็นเหตุการณ์ที่เป็นไปตามปกติธรรมชาติ โจทก์สามารถเล็งเห็นล่วงหน้าอยู่แล้วมิใช่เหตุสุดวิสัย ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนเงินค่าปรับตามฟ้องแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับเรื่องสะพานถูกน้ำพัดพังทำให้โจทก์ไม่สามารถจะทำการขนส่งสัมภาระและอุปกรณ์การก่อสร้างเป็นเหตุให้งานเสร็จล่าช้านั้น เห็นว่า การที่น้ำป่าพัดสะพานพังถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพราะถือได้ว่าเป็นเหตุใด ๆ อันจะเกิด จะให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ แต่เหตุสุดวิสัยดังกล่าวนี้ คงมีชั่วระยะเวลาเพียง10 วัน คือตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2523 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม2523 เวลา 23.30 นาฬิกาเท่านั้น ต่อจากนั้นทางราชการก็ได้จัดทำสะพานเบลี่ย์เปิดให้การจราจรผ่านไปได้ โดยจำกัดน้ำหนักไว้15 ตัน ทั้งจำเลยก็ยินยอมให้โจทก์ต่อสัญญาได้มีกำหนด 10 วันเท่ากับระยะเวลาที่เกิดเหตุสุดวิสัยอยู่แล้ว จึงเห็นได้ว่าการที่โจทก์ไม่สามารถจะทำงานได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดนั้นหาใช่เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยน้ำป่าพัดสะพานพังไม่
สำหรับเรื่องน้ำในแม่น้ำเมยมีระดับน้ำสูงขึ้นผิดปกติ ทำให้โจทก์ไม่สามารถสร้างบ่อชักน้ำและวางท่อ เอ.พี.ไอ. อันเป็นงานในงวดที่ 5 ได้ทันกำหนด เป็นเหตุให้งานงวดที่ 7 อันเป็นงานงวดสุดท้ายล่าช้าเกินกำหนดนั้น เห็นว่า เหตุที่เกิดตามธรรมดาโลกเช่น น้ำท่วมหรือระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นนั้นถ้าเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยปกติตามฤดูกาลจะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่ข้อเท็จจริงเรื่องระดับน้ำในแม่น้ำเมยนี้ปรากฏจากคำเบิกความของนายถนอม ฟักบัว พยานโจทก์ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเมยที่สูงขึ้นตามเอกสารหมาย จ.4 นั้น เป็นการสูงขึ้นเป็นปกติของสภาพน้ำในแม่น้ำเมยในหน้าฝน ซึ่งจะสูงขึ้นเช่นนี้ทุกปี ดังนั้น การที่ระดับน้ำในแม่น้ำเมยสูงขึ้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เมื่อโจทก์ไม่สามารถทำงานได้เสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิที่จะหักค่าจ้างที่โจทก์จะได้รับไว้เป็นค่าปรับ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ทำงานไม่เสร็จตามสัญญาเพราะเหตุสุดวิสัยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share