คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย โดยไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดง แต่ศาลไม่อนุญาต และให้สืบพยานคือตัวจำเลยโดยให้ทนายโจทก์ถามค้านในนัดหน้า แต่นัดต่อมาทนายโจทก์กลับแถลงไม่ติดใจถามค้านพยานจำเลยที่เบิกความไปแล้ว หลังจากนั้นจำเลยนำสืบพยานอื่นอีกจนหมดพยาน และโจทก์ขอเลื่อนคดีไปเพื่อยื่นบัญชีพยานฉบับใหม่เพราะบัญชีพยานฉบับเดิมศาลสั่งไม่รับอ้างว่าล่วงพ้นกำหนดตามกฎหมาย ดังนี้ พฤติการณ์ของทนายโจทก์แสดงว่าไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสำคัญแก่คดีของโจทก์เอง ชอบที่ศาลจะไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 81,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 80,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ โจทก์คบคิดกับผู้โอนฉ้อฉลจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน โดยนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2532 เวลา9 นาฬิกา ถึงวันนัดทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายโจทก์มายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า ทนายโจทก์ป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างรุนแรง มีอาการอาเจียน วิงเวียนศีรษะ ไม่สามารถทำหน้าที่ทนายความได้ โดยไม่มีใบรับรองของแพทย์มาแสดง ทนายจำเลยแถลงขออ้างตนเองเข้าเบิกความโดยให้โจทก์ถามค้านในนัดหน้า ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วเลื่อนไปสืบพยานจำเลยต่อ ถึงวันนัด ทนายโจทก์แถลงว่าไม่ติดใจถามค้านทนายจำเลยซึ่งได้เบิกความไปแล้ว ทนายจำเลยจึงนำจำเลยเข้าสืบได้ 1 ปากโดยทนายโจทก์ถามค้านไว้ แล้วแถลงหมดพยานจำเลยทนายโจทก์ขอเลื่อน โดยจะยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเนื่องจากศาลมีคำสั่งไม่รับบัญชีพยานโจทก์ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2532เพราะล่วงพ้นกำหนดตามกฎหมาย โดยขอยื่นบัญชีระบุพยานภายใน 3 วันทนายจำเลยคัดค้าน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ คงมีปัญหาที่จะจ้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีด้วยเหตุดังกล่าว ศาลชั้นต้นควรอนุญาตหรือไม่พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่ทนายโจทก์อ้างว่าป่วยเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่มีใบรับรองของแพทย์มาแสดงให้น่าเชื่อ ทั้งศาลชั้นต้นก็ให้โอกาสโจทก์ถามค้านพยานจำเลยที่เบิกความไปแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะทำให้เสียความเป็นธรรมดังที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า เมื่อถึงวันนัดทนายโจทก์เองแถลงไม่ติดใจถามค้าน และมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานโจทก์ตามกฎหมายอีกด้วย แสดงว่าไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสำคัญแก่คดีของโจทก์เอง ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบจึงชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share