คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันและพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกรรโชก จำเลยฎีกาว่า ตามข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น ต้องเป็นผิดฐานชิงทรัพย์ ไม่ใช่ฐานกรรโชกดังโจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้องเพราะทางพิจารณาต่างกับฟ้อง แม้จำเลยจะไม่ได้ยกข้อกฎหมายที่ว่านี้ขึ้นในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ต้องห้ามฎีกา เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ผู้เสียหายถูกจำเลยขู่จนยอมรับจะให้เงินตามที่จำเลยข่มขืนใจเอาแล้ว ย่อมครบองค์แห่งความผิดฐานกรรโชกแล้วทุกประการ จำเลยจะได้รับเงินตามที่ผู้เสียหายรับปากให้แล้วหรือยัง หาใช่สาระขององค์ความผิดฐานนี้ไม่ และการที่จำเลยถูกตำรวจจับเสียก่อนที่จะได้รับเงินจากผู้เสียหายก็ไม่เป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยกลายเป็นอยู่ในขั้นพยายามกระทำผิดไปได้

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองมีมีดและเหล็กขูดช๊าบเป็นอาวุธไปขู่นายเต็กเถี่ยวผู้เสียหายให้ยอมให้เงินแก่จำเลยทั้งสองใช้สอยสัก 7,000 บาท แล้วผู้เสียหายจะได้อยู่อย่างปลอดภัยไม่ต้องกลัวนักเลงรังแก ถ้าไม่ยอมให้เงินจำเลยจะทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิต นายเต็กเถี่ยวกลัว จึงยอมรับจะให้เงินแก่จำเลยทั้งสอง 7,000 บาท โดยขอผัด 1 ชั่วโมง เพื่อหาเงินให้ครบจำนวน แล้วผู้เสียหายก็สั่งภริยาให้ไปหาเงินมาให้จำเลยทั้งสองภริยาผู้เสียหายก็ขึ้นไปชั้นบน ส่วนจำเลยทั้งสองคงยืนรออยู่ที่เดิมภริยาผู้เสียหายขึ้นไปชั้นบนเพื่อจะเอาเงิน แต่เงินมีไม่พอ ภริยาผู้เสียหายเห็นเครื่องโทรศัพท์ ก็โทรศัพท์แจ้งเหตุไปยังสถานีตำรวจขอให้ตำรวจรีบมาที่บ้าน พวกตำรวจจึงพากันรีบรุดมาและจับจำเลยไว้ได้ทั้งคู่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลอาญาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานสมคบกันกรรโชกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337(1) (2)ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ของกลางริบ

จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันเป็นยุติแล้วนั้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ หาเป็นความผิดฐานกรรโชกตามฟ้องไม่ ข้อเท็จจริงจึงแตกต่างกับที่โจทก์กล่าวในฟ้องและเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ ชอบที่ศาลจะยกฟ้องของโจทก์เสียประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง แม้จะถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกรรโชก ก็อยู่ในขั้นพยายามเท่านั้น ยังหาเป็นความผิดสำเร็จไม่

คดีนี้คู่ความจะฎีกาได้เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น โจทก์แก้ฎีกาคัดค้านว่า ข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาขึ้นมานั้น มิได้ยกขึ้นมาว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยผู้ฎีกาหรือศาลชอบที่จะยกขึ้นอ้างได้ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายดังที่โจทก์คัดค้านขึ้นมา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 และต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จหรือบรรลุผลแล้วด้วย เพราะผู้เสียหายถูกจำเลยขู่จนยอมรับจะให้เงินตามที่จำเลยข่มขืนใจเอาแล้วย่อมครบองค์แห่งความผิดฐานกรรโชกแล้วทุกประการ จำเลยจะได้รับเงินตามที่ผู้เสียหายรับปากให้แล้วหรือยัง หาใช่สาระขององค์ความผิดฐานนี้ไม่ การที่จำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเสียก่อนที่จะได้รับเงินจากผู้เสียหาย จึงไม่เป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยอยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดไปได้

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share