คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2653/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยไม่สามารถหาเรือมาบรรทุกน้ำมันเพื่อส่งมอบให้โจทก์ได้นั้นเป็นเรื่องด้อยความสามารถของจำเลยเอง และการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นเป็นเหตุให้จำเลยขาดทุนก็เป็นธรรมดาของการค้าขายซึ่งอาจจะมีทั้งกำไรและขาดทุน พฤติการณ์ดังกล่าวมิใช่เหตุสุดวิสัยตามมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นค่าปรับซึ่งสามารถคำนวณได้จากปริมาณน้ำมันที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบให้โจทก์ได้ครบจำนวนที่สั่งซื้อ ซึ่งคำนวณแล้วเป็นจำนวนเงินตามที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนตามมาตรา 9(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย และโจทก์ไม่จำเป็นต้องสืบพยานให้เห็นว่าโจทก์เสียหายเพียงใดหรือไม่
เมื่อผู้จัดการบริษัทจำเลยได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ทั้งสองฉบับจากโจทก์แล้ว แม้หนังสือนั้นได้ส่งไปยังที่อยู่ของผู้จัดการบริษัทจำเลยซึ่งไม่ใช่ภูมิลำเนาอันเป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลยก็ตาม ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือทวงถามดังกล่าวโดยชอบแล้ว และหนังสือทั้งสองฉบับนี้ได้ส่งในระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยไม่ชำระหนี้ตามหนังสือทวงถามกรณีต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามมาตรา 8(9) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ฟังได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
การที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยปิดไว้ ณ สำนักงานบริษัทจำเลยตามที่จดทะเบียนไว้นั้น เป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อน้ำมันเตาจากจำเลยจำนวน ๓๐,๐๐๐ เมตริกตัน ราคา ๖๘,๗๐๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยจะบรรทุกน้ำมันลงเรือที่ประเทศสิงคโปร์ถึงศรีราชาภายใน ๑๐ วันนับแต่วันที่เลตเตอร์ออฟเครดิตมีผลบังคับ และขนถ่ายจากศรีราชาลงที่คลังน้ำมันของโจทก์ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่เรือบรรทุกน้ำมันถึงศรีราชา หากส่งมอบไม่ครบจำนวนหรือเลยเวลาที่กำหนดอันเป็นความผิดของจำเลย จำเลยยอมให้โจทก์บอกเลิกการซื้อน้ำมันทั้งหมดหรือบางส่วนและยอมให้โจทก์ปรับเป็นเงินร้อยละ ๒๕ ของราคาน้ำมันในส่วนที่บอกเลิกต่อมาจำเลยส่งน้ำมันให้โจทก์เพียง ๔,๐๐๐ เมตริกตัน คงเหลือจำนวนที่ต้องส่งมอบอีก ๒๖,๐๐๐ เมตริกตัน คิดเป็นเงิน ๕๙,๕๔๐,๐๐๐ บาท จำเลยยอมรับว่าไม่สามารถส่งน้ำมันที่เหลือให้โจทก์ได้และขอเลิกการส่งโจทก์จึงมีหนังสือเลิกการซื้อน้ำมันเตาส่วนที่เหลือ และให้จำเลยชำระค่าปรับร้อยละ ๒๕ ของราคาน้ำมันที่มิได้ส่งมอบแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๔,๘๘๕,๐๐๐ บาทจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงมีหนังสือทวงถามไปยังจำเลยอีกครั้งหนึ่งซึ่งมีระยะเวลาห่างจากครั้งแรกเกินกว่า ๓๐ วันจำเลยไม่ชำระและไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้ให้โจทก์ จึงตกเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยส่งมอบน้ำมันให้โจทก์ไม่ครบจำนวนไม่ใช่ความผิดของจำเลย เป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันของเกาหลีเหนือที่จำเลยเช่าไว้ไม่สามารถเข้าเทียบท่าเมื่อบรรทุกน้ำมันได้เพราะผิดกฎต่อมาราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น ถ้าจำเลยจะจัดหามาส่งมอบให้โจทก์จนครบจำนวน จำเลยจะต้องขาดทุนถึง ๒๒ ล้านบาทเศษ เห็นว่า การที่จำเลยไม่สามารถหาเรือบรรทุกน้ำมันได้นั้นเป็นเรื่องด้อยความสามารถของจำเลยเองและการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นเป็นเหตุให้จำเลยขาดทุนก็เป็นธรรมดาของการค้าขายซึ่งอาจจะมีทั้งกำไรและขาดทุน ถ้าได้กำไรจำเลยจึงจะปฏิบัติตามสัญญา หากขาดทุนก็ไม่ยอมปฏิบัติ ดังนี้หาชอบไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวมิใช่เหตุสุดวิสัยตามมาตรา ๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยฎีกาว่า หนี้ที่ฟ้องมีจำนวนไม่แน่นอนหรืออาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน เนื่องจากโจทก์ไม่สืบให้เห็นว่าโจทก์เสียหายหรือไม่ เพียงใดศาลฎีกาเห็นว่าสัญญามีข้อความสรุปได้ว่า ถ้าจำเลยส่งมอบน้ำมันตามที่สั่งซื้อไม่ครบจำนวน โจทก์มีสิทธิบอกเลิกการซื้อน้ำมันทั้งหมดหรือบางส่วนและปรับจำเลยเป็นเงินร้อยละ ๒๕ ของราคาน้ำมันในส่วนที่บอกเลิกซื้อโจทก์ฟ้องเรียกเอาค่าปรับซึ่งสามารถคำนวณได้จากปริมาณน้ำมันที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบให้โจทก์ได้ครบจำนวนที่สั่งซื้อซึ่งคำนวนแล้วเป็นจำนวนเงินตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่จำเป็นต้องสืบพยานดังที่จำเลยฎีกา หนี้ที่โจทก์ฟ้องอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนตามมาตรา ๙(๓) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ส่งหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ไปยังผู้จัดการของบริษัทจำเลยนั้นไม่ชอบ เพราะไม่ได้ส่งไปยังภูมิลำเนาอันเป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้จัดการเป็นผู้แทนนิติบุคคล เมื่อผู้จัดการได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ทั้งสองฉบับจากโจทก์แล้ว แม้หนังสือนั้นได้ส่งไปยังภูมิลำเนาที่อยู่ของผู้จัดการบริษัทจำเลยซึ่งไม่ใช่ภูมิลำเนาอันเป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลยก็ตาม ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือทวงถามดังกล่าวโดยชอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งไปยังภูมิลำเนาอันเป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลยและหนังสือสองฉบับนี้ได้ส่งในระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวันจำเลยไม่ชำระหนี้ตามหนังสือทวงถาม กรณีต้องข้อสันนิษฐานตามมาตรา ๘(๙) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ฟังได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำฟ้อง ณ ที่ตั้งสำนักงานบริษัทจำเลยนั้นไม่ชอบ ควรส่ง ณ ภูมิลำเนาที่อยู่ของผู้จัดการบริษัทจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยจดทะเบียนที่ตั้งสำนักงานไว้เลขที่ ๖๑ ถนนเกษมราษฎร์ แขวงคลองเตยเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จำเลยมิได้โต้แย้งว่าที่ตั้งสำนักงานบริษัทจำเลยดังกล่าวไม่ถูกต้อง การที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำฟ้องโดยปิดไว้ ณ สถานที่ดังกล่าวจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
พิพากษายืน

Share