แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจจับราษฎรมา โดยหาว่ากระทำผิดทางอาญา ได้พูดขู่เข็ญให้เอาเงินมาให้คนละ 40 บาท ถ้ายอมเสียเงินให้ก็จะเสร็จเรื่อง มิฉะนั้นจะเอาตัวไปเดี๋ยวนั้น ราษฎรซักถามจนเป็นที่พอใจแล้วก็ตกลงยอมเสียเงินให้ แล้วหากันกลับไปเอาเงินมาให้ตำรวจในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ดังนี้เป็นความผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายอาญามาตรา 303
ย่อยาว
เมื่อเวลา ๒๑ น. จำเลยทั้ง ๒ กับพวกอีก ๕ คน ทำการจับกุมผู้เสียหายทั้ง ๑๗ คน โดยนายโป่มจำเลย เป็นผู้นำชี้พามาที่เรือนนายโป่มจำเลย พลตำรวจชำนาญจำเลย พูดขู่เข็ญเอาเงินโดยกล่าวหาว่าผู้เสียหายทั้ง ๑๗ คนได้สมคบกับนายพิมพ์นายวัน ฆ่ากระบือที่ลักมาจากนายกลม จะต้องจับตัวส่งไปต้องโทษ ถ้ายอมเสียเงินให้คนละ ๔๐ บาทก็จะเสร็จเรื่องได้ มิฉะนั้นจะเอาตัวไปเดี๋ยวนี้ นายโป่มจำเลยพูดสนับสนุนให้ผู้เสียหายยอมเสียเงินให้ ผู้เสียหายซักถามจนเป็นที่พอใจว่าเรื่องจะเสร็จได้ ก็ตกลงยอมเสียเงินให้ และต่างคนก็กลับไปเอามาชำระให้ จำเลยรับไปในคืนเดียวกันนั้น เวลา ๒๓ น. โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๓
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์ ลงโทษไม่ได้เพราะเกินคำขอ และโจทก์ไม่ประสงค์ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวจัดเข้าลักษณะกรรโชกตามมาตรา ๓๐๓ เพราะจำเลยไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้เขาไปหาเงินมาให้ บังอาจใช้อุบายบังคับเขา ครั้นเขารับคำแล้วก็ปล่อยให้ไปหาเงินมาให้ จึงพิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๒ ตามมาตรา ๓๐๓