คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6712/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518มาตรา48บัญญัติว่า”นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระกรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะ”เมื่อจำเลยแถลงรับว่าขณะที่เลิกจ้างโจทก์ยังไม่มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะโจทก์จึงยังไม่พ้นจากตำแหน่งกรรมการลูกจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 45,894 บาทและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม และจ่ายค่าจ้างให้โจทก์นับแต่วันที่เลิกจ้างจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นกรรมการลูกจ้าง แต่หลังจากวันที่ 18 มกราคม 2538 โจทก์หมดสภาพการเป็นกรรมการลูกจ้างโดยปริยายเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2538 กรรมการลูกจ้างของจำเลย4 คน ได้พ้นสภาพการเป็นกรรมการลูกจ้างไปพร้อมกัน จึงทำให้กรรมการลูกจ้างหมดสภาพไปทั้งคณะตามมาตรา 49 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 โจทก์ขาดงาน จำเลยจึงออกหนังสือเตือนโจทก์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2538 ต่อมาโจทก์ขาดงานอีก จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์เพราะโจทก์กระทำผิดระเบียบข้อบังคับบริษัทจำเลยได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้นขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณา โจทก์และจำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่าก่อนวันที่ 18 มกราคม 2538 กรรมการลูกจ้างในบริษัทจำเลย มีจำนวน7 คน และต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2538 กรรมการลูกจ้าง จำนวน4 ใน 7 คน ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการลูกจ้างโดยชอบด้วยกฎหมายหลังจากนั้นกรรมการลูกจ้างที่เหลืออยู่มีไม่ถึงกึ่งหนึ่งของกรรมการลูกจ้างทั้งหมด จำเลยแถลงว่า ขณะที่โจทก์ถูกเลิกจ้าง โจทก์มิได้มีฐานะเป็นกรรมการลูกจ้าง เนื่องจากกรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเกินกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 49(2)และจำเลยแถลงว่า ขณะที่เลิกจ้างโจทก์ ยังไม่มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 48 (7)
โจทก์และจำเลยท้ากันให้ศาลแรงงานกลางชี้ขาดว่า ในขณะที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ โจทก์ยังมีฐานะเป็นกรรมการลูกจ้างอยู่หรือไม่หากเห็นว่าโจทก์ยังมีฐานะเป็นกรรมการลูกจ้างอยู่ จำเลยยอมรบโจทก์กลับเข้าทำงานตามตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิม และยินยอมจ่ายค่าจ้างและผลประโยชน์อื่น ๆ ให้นับแต่วันเลิกจ้าง จนกว่าจำเลยจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม แต่ถ้าเห็นว่าขณะถูกเลิกจ้างโจทก์มิได้มีฐานะเป็นกรรมการลูกจ้าง โจทก์ยอมสละสิทธิต่าง ๆ ที่เรียกร้องมาในคำฟ้องโดยขอให้ศาลวินิจฉัยคดีไปตามข้อเท็จจริงตามที่คู่ความได้แถลงไว้และคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ในขณะที่โจทก์ถูกเลิกจ้างโจทก์ยังมีฐานะเป็นกรรมการลูกจ้างอยู่ พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิม รวมทั้งจ่ายค่าจ้างและผลประโยชน์อื่น ๆ ให้โจทก์ นับแต่วันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 48 บัญญัติว่า “นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ ฯลฯ (7) มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะ” เมื่อจำเลยแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2538 ว่า ขณะที่เลิกจ้างโจทก์ยังไม่มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะ โจทก์จึงยังไม่พ้นจากตำแหน่งกรรมการลูกจ้างจำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า
พิพากษายืน

Share