คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับบริวารทำให้เกิดเพลิงไหม้เสียหายแก่โจทก์แล้วจำเลยทำสัญญายอมใช้ค่าเสียหายเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี ต่อมาจำเลยปฏิเสธไม่ใช้เงินให้แก่โจทก์โดยเจตนาจะฉ้อโกง
จำเลยให้การปฏิเสธไม่ยอมใช้เงินอ้างว่าเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อและฟ้องแย้งขอให้ทำลายเอกสารอีกด้วยเช่นนี้ถือว่าคดี ไม่มีประเด็นตามฟ้องและคำให้การของจำเลยว่าจำเลยได้ถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในเอกสารตามที่จำเลยต่อสู้จริงหรือไม่ และตามฟ้องและคำให้การของจำเลยเห็นได้ว่าจำเลยได้ยอมสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 154 วรรคสอง แล้ว คดีจึงไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยในเรื่องกำหนดเงื่อนเวลาแต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 5,000 บาท โจทก์ที่ 2 4,800 บาท โจทก์ที่ 3, 540 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจากวันฟ้องและห้ามจำเลยโอนขาย จำนองขายฝากหรือทำภาระหนี้สินเพิ่มจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น

จำเลยแก้ว่าจำเลยไม่ใช่เป็นผู้ทำให้เกิดเพลิงไหม้ทั้งเอกสารที่โจทก์อ้างจำเลยถูกหลอกลวงให้ลงชื่อว่าเป็นคำร้องขอแจกเสื้อผ้าที่อำเภอจึงฟ้องแย้งขอให้ทำลายเอกสารที่โจทก์อ้างลงวันที่ 16 เม.ย. 97 ด้วย

โจทก์แก้ฟ้องแย้งจำเลยว่าเป็นความเท็จไม่มีความจริง ๆ เป็นดังโจทก์ฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าเพลิงมิได้เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลย ๆ มิได้จงใจหรือประมาท โจทก์จำเลยไม่มีมูลหนี้ผูกพันกันสัญญาที่โจทก์อ้างไม่ผูกพันจำเลย จึงไม่ต้องพิจารณา และฟังว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ถูกเพลิงไหม้ โจทก์ทั้งสามไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายพิพากษายกฟ้อง ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยไม่จำเป็นต้องสั่งทำลาย

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าหนี้ตามสัญญาที่โจทก์อ้างมีกำหนดเวลาชำระภายใน 2 ปี โจทก์มีคำขอให้จำเลยชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดเวลาตามสัญญาโดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่ใช้หนี้และพยายามยักย้ายทรัพย์ทั้งเพทุบายทำภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เหตุที่อ้างไม่เข้าเกณฑ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 ฟ้องโจทก์ไม่มีเหตุที่จะก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระก่อนถึงกำหนดตามสัญญาได้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อ กฎหมายอื่น ๆ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังคำแถลงและประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับบริวารทำให้เกิดเพลิงไหม้เสียหายแก่โจทก์แล้วจำเลยได้ตกลงยินยอมทำสัญญารับใช้เงินให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยปฏิเสธไม่ยอมใช้เงินให้โจทก์อ้างว่าทรัพย์สมบัติของจำเลยก็ถูกเพลิงไหม้ไม่ยอมรับผิดใช้เงิน โดยเจตนาจะฉ้อโกงโจทก์ ตามฟ้องดังกล่าวพอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยยอมสละเงื่อนเวลาหรือไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 154 วรรคสอง แล้วชั้นพิจารณาจำเลยก็ยังให้การปฏิเสธอย่างที่โจทก์กล่าวในฟ้อง กล่าวคือปฏิเสธไม่ยอมใช้เงิน อ้างว่าเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น จำเลยยังได้ฟ้องแย้งขอให้ทำลายเอกสารอีกด้วยโดยจำเลยมิได้ยกปัญหาเรื่องกำหนดเวลาขึ้นต่อสู้แต่อย่างใดเลยคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยเรื่องกำหนดเวลาอย่างที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น แต่คดีมีประเด็นตามฟ้องและคำให้การต่อสู้ของจำเลยว่าจำเลยได้ถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในเอกสารตามที่จำเลยต่อสู้จริงหรือไม่ประเด็นโดยตรงนี้ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อพิพากษาใหม่ตามประเด็นของคดีค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมสั่งในชั้นพิพากษาใหม่

Share