คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด ขณะจำเลยอยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ 1 เมตร มีเพียงแต่เขม่าดินปืนไปกระทบที่คางกับคอของผู้เสียหายเกิดบาดแผลมีเลือดซึมเล็กน้อยรักษาบาดแผลเพียง7 วันหาย กระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นกระสุนปืนที่ไม่มีเม็ดกระสุนปืนบรรจุไว้ด้วย แสดงว่ากระสุนปืนดังกล่าวไม่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะปัจจัยที่ใช้ในการกระทำ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,81 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91,288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ส่วนอาวุธปืนของกลางและปลอกกระสุนปืนของกลางข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนว่าเป็นของผู้มีชื่อตามทะเบียนจึงไม่คืนให้แก่เจ้าของ ให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสองคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก12 ปี กระทงหนึ่ง ฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่ง และฐานพกอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่ง รวมจำคุก 14 ปี จำเลยให้การแต่ชั้นจับกุมตลอดมาถึงชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก9 ปี 4 เดือน คืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนของกลางที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้เสียหาย 1 นัด ขณะนั้นจำเลยอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 1 เมตรเขม่าดินปืนไปกระทบที่คางกับคอของผู้เสียหายเกิดบาดแผลมีเลือดซึมเล็กน้อย รักษาบาดแผลดังกล่าวประมาณ 7 วันหาย ฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น จำเลยมีความผิดฐานมีและพกพาอาวุธปืนดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ส่วนที่เกี่ยวกับอาวุธปืนของกลางที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายนั้นได้ความตามที่ร้อยตำรวจเอกเสมาเบิกความว่าได้ทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.6 ไว้ ซึ่งเอกสารดังกล่าวระบุว่ากระสุนปืนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนปืนที่มีดินปืนแต่ไม่มีเม็ดกระสุนปืนบรรจุไว้ด้วย เมื่อพิจารณาประกอบกับขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 1 เมตร มีเพียงแต่เขม่าดินปืนไปกระทบที่คางกับคอของผู้เสียหาย เกิดบาดแผลมีเลือดซึมเล็กน้อยเท่านั้นโดยรักษาบาดแผลเพียง 7 วันก็หาย จึงเชื่อว่ากระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นกระสุนปืนที่ไม่มีเม็ดกระสุนปืนบรรจุไว้ด้วย ย่อมแสดงว่ากระสุนปืนดังกล่าวไม่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้การกระทำของจำเลยดังวินิจฉัยจึงไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 81 วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 มานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 81 วรรคแรก จำคุก 7 ปี รวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานอื่นอีก 2 ปี รวมเป็นจำคุก 9 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share