แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯมาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสอง และมาตรา 1(3) คำร้องที่ผู้ร้องขอให้มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ด้วย
ผู้ร้องกล่าวในคำร้องแต่เพียงว่า ก.เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งในเขตอำเภอด่านขุนทดและอำเภอปักธงชัย ทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งใหม่โดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งไม่ได้ ในเขตอำเภอด่านขุนทดประมาณ 6,164 คน และในเขตอำเภอปักธงชัยประมาณ 8,630 คน ข.เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตอำเภอปากช่องและอำเภอสีคิ้วฝ่าฝืนกฎหมาย อนุญาตให้ผู้เลือกตั้งซึ่งบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุเกินกว่า 60 วัน ลงคะแนนเลือกตั้ง และ ค.กรรมการเลือกตั้งเขตอำเภอด่านขุนทดบอกและจูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเลขหมายประจำตัว 10 และ 11 ผู้ร้องมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้แจ้งชัดว่าเจ้าพนักงานคนใดเป็นผู้ กระทำการเช่นว่านั้นและได้กระทำการนั้นในหน่วยเลือกตั้งใด การที่ผู้ร้องกล่าวในคำร้องว่ามีการกระทำใน เขตอำเภอด่านขุนทดอำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่องและอำเภอสีคิ้ว นั้น มิได้หมายความว่ามีการกระทำในทุกหน่วยเลือกตั้งใน แต่ละอำเภอผู้ร้องมิได้บรรยาย ว่าได้มีการบอกและจูงใจผู้ใด ให้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10 และ 11 ส่วนคำร้องข้อ ง. นั้น ผู้ร้องกล่าวแต่เพียงว่า นายประสารใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกิน 350,000 บาท มิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดว่านายประสารใช้จ่ายใน กิจการอย่างใด พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจได้ว่าค่าใช้จ่าย นั้นเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการใด และเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือไม่ ดังนี้ เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องทุกข้อไม่ แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็น หลักแห่งข้อหานั้น จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้หนึ่งในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประกอบด้วยอำเภอด่านขุนทด อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอปักธงชัย อำเภอขามทะเลสอ และอำเภอปากช่อง ได้รับหมายเลขประจำตัว 5 ผลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดังกล่าวปรากฏว่านายสมบูรณ์เลขหมายประจำตัว 2 ได้ 32,557 คะแนน นายมงคลเลขหมายประจำตัว 11 ได้ 30,774 คะแนน และนายประสารเลขหมายประจำตัว 10 ได้ 30,157 คะแนน เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งส่วนผู้ร้องได้ 29,625 คะแนน ไม่ได้รับเลือกตั้ง ผู้ร้องเห็นว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ ฝ่าฝืนมาตรา 32, 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 กล่าวคือ
ก. เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งในเขตอำเภอด่านขุนทดและอำเภอปักธงชัย ได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งขึ้นใหม่โดยมิชอบและผิดไปจากบัญชีรายชื่อเดิมซึ่งได้ประกาศไว้แล้ว ณ ที่ว่าการอำเภอและที่เลือกตั้งเป็นเหตุให้ผู้เลือกตั้งซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อเดิมไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อใหม่ และไม่อาจลงคะแนนเลือกตั้งได้ในเขตอำเภอด่านขุนทดประมาณ 6,164 คน และในเขตอำเภอปักธงชัยประมาณ 8,630 คน
ข. เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตอำเภอปากช่อง และอำเภอสีคิ้วอนุญาตให้ผู้เลือกตั้งซึ่งบัตรประจำตัวประชาชนขาดอายุเกินกว่า 60 วันแล้วลงคะแนน เป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวง (พ.ศ.2522) ข้อ 12(1)(2)(3)(4)(5) และ (6) ซึ่งออกตามความในมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดมิให้ผู้เลือกตั้งดังกล่าวใช้สิทธิเลือกตั้ง
ค. กรรมการเลือกตั้งหน่วยเลือกตั้งเขตอำเภอด่านขุนทดบอกและจูงใจ ผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขประจำตัว 10 และ 11
ง. นายประสารผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขประจำตัว 10 เสียค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งเกินกว่า 350,000 บาท
หากไม่มีการกระทำดังกล่าวในข้อ ก. และ ข. แล้ว ผลการเลือกตั้งต้องเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสมบูรณ์ นายมงคล และนายประสารคัดค้าน และนายมงคลเพิ่มเติมคำคัดค้านว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมและไม่มีการกระทำโดยมิชอบดังกล่าวในคำร้อง
ก่อนวันนัดไต่สวนคำร้อง นายมงคลและนายประสารผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าคำร้องเคลือบคลุมหรือไม่
ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนคำร้อง ทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม เห็นสมควรให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ประมวลกฎหมายดังกล่าวมาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า “คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น” และมาตรา 1(3) บัญญัติว่า “คำฟ้อง หมายความว่ากระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล ฯลฯ ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะที่เริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอ ฯลฯ” ดังนี้ เห็นว่าคำร้องที่ผู้ร้องขอให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ด้วย
พิเคราะห์แล้ว สำหรับคำร้องข้อ ก. ข. และ ค. นั้น ผู้ร้องกล่าวในคำร้องแต่เพียงว่า ก. เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งในเขตอำเภอด่านขุนทดและอำเภอปักธงชัย ทำบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งใหม่โดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งไม่ได้ ในเขตอำเภอด่านขุนทดประมาณ 6,164 คน และในเขตอำเภอปักธงชัยประมาณ 8,630 คน ข. เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตอำเภอปากช่องและอำเภอสีคิ้วฝ่าฝืนกฎหมายอนุญาตให้ผู้เลือกตั้งซึ่งบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุเกินกว่า 60 วัน ลงคะแนนเลือกตั้ง และ ค. กรรมการเลือกตั้งเขตอำเภอด่านขุนทดบอกและจูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครเลือกตั้งเลขหมายประจำตัว 10 และ 11 ผู้ร้องมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้แจ้งชัดว่าเจ้าพนักงานคนใดเป็นผู้กระทำการเช่นว่านั้น และได้กระทำการนั้นในหน่วยเลือกตั้งใด การที่ผู้ร้องกล่าวในคำร้องว่ามีการกระทำในเขตอำเภอด่านขุนทด อำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่อง และอำเภอสีคิ้วนั้น มิได้หมายความว่ามีการกระทำในทุกหน่วยเลือกตั้งในแต่ละอำเภอนั้น และผู้ร้องมิได้บรรยายว่าได้มีการบอกและจูงใจผู้ใดให้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 10 และ 11 ส่วนคำร้องข้อ ง. นั้น ผู้ร้องกล่าวแต่เพียงว่านายประสารใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกิน 350,000 บาท มิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดว่านายประสารใช้จ่ายในกิจการอย่างใด พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจได้ว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการใด และเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ ดังนี้ เห็นว่าคำร้องของผู้ร้องทุกข้อไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง