คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกล่าวอ้างไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์และในศาลชั้นต้นจำเลยก็ให้การ ว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พออนุโลมได้ว่าจำเลยได้ยกความข้อที่ว่าจำเลยไม่ควรร่วมกันแทนกันรับผิดต่อโจทก์ขึ้นอ้างอิงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบกับมาตรา 247
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยให้การหรือแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้โจทก์ต้องออกจากตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนโจทก์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน จำเลยต่างคนต่างให้การอ้างว่ารู้เห็นในหน้าที่ของตน จึงไม่มีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ทั้งตามฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ร่วมกัน จึงไม่ควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีตั้งแต่ พ.ศ. 2492 จนกระทั่งกระทรวงมหาดไทยสั่งปลดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2504 เพราะจำเลยซึ่งเป็นปลัดเทศบาลและสมุห์บัญชีเทศบาล ได้ให้การกับคณะกรรมการสอบสวนใส่ความโจทก์โดยไม่เป็นความจริงว่าโจทก์เอาสังกะสีของเทศบาลไปล้อมรั้วบ้านพักส่วนตัวก่อนมีการประมูล เป็นเหตุให้กรรมการหลงเชื่อได้เสนอให้ลงโทษและปลดโจทก์ กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากหน้าที่ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรับผิดร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 100,000 บาท กับดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่าที่จำเลยให้การเป็นความจริง ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาทกับดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แก่โจทก์5,000 บาท กับดอกเบี้ย

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยทั้งสองให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนเป็นความเท็จทำให้โจทก์เสียหาย และที่ศาลอุทธรณ์กำหนดว่าโจทก์ควรได้รับค่าเสียหายจำนวน 5,000 บาท พอเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลไม่ควรให้จำเลยร่วมกันแทนกันรับผิดต่อโจทก์นั้นปรากฏว่าความข้อนี้จำเลยได้กล่าวอ้างไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์ และในศาลชั้นต้นจำเลยก็ให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พออนุโลมได้ว่าจำเลยได้ยกความข้อนี้อ้างอิงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบกับ มาตรา 247 ได้ความว่านายสงบจำเลยให้การต่อคณะกรรมการเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 ส่วนนายศิริจำเลยให้การเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน จำเลยต่างคนต่างให้การที่อ้างว่าได้รู้เห็นในหน้าที่ของตน จึงไม่มีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมทั้งตามฟ้องโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ร่วมกัน จึงไม่ควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกัน

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายคนละ 2,500 บาทแก่โจทก์ นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share