คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับและทั้งปรากฏว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตามมาตรา 174ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ที่ดินซึ่งโจทก์ปกครองอยู่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โดยมารดาโจทก์แลกเปลี่ยนกับที่ของจำเลยที่ 1 จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยแลกเปลี่ยนที่ดินดังกล่าวนั้นศาลชั้นต้นชี้สองสถาน ให้โจทก์นำสืบก่อนและนัดสืบพยาน ถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับ ทั้งปรากฏว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล จำเลยคัดค้านการเลื่อนและขอให้ศาลพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนแล้วพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า ควรถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องซึ่งศาลควรสั่งจำหน่ายคดี หาควรพิพากษาไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีของโจทก์ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 และไม่ใช่เป็นการขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณา หากแต่พยานหลักฐานของโจทก์ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน ศาลต้องยกฟ้อง แม้จะถือว่า โจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปเช่นในคดีนี้ ศาลก็ต้องชี้ขาดตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติในมาตรา 201 วรรค 2

พิพากษายืน

Share