คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ประนีประนอมยอมความ ค้ำประกัน ++
++ (ชั้นฎีกาคำสั่งที่ไม่ให้เลื่อนคดี)
++ ทดสอบการทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++ ย่อข้อกฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ
++ พิมพ์จากสำเนาชุดพิเศษ ++
++
++
++ จำเลยทั้งสามได้ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าทนายจำเลยป่วยบ้างจำเลยที่ 2 ซึ่งจะมาเบิกความเป็นพยานป่วยบ้าง ติดต่อกับพยานที่จะมาเบิกความไม่ได้บ้าง รวมแล้วจำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีและศาลชั้นต้นอนุญาตมาแล้วถึง 4 ครั้งครั้งสุดท้ายทนายจำเลยขอเลื่อนคดีโดยแถลงรับรองว่าในนัดหน้าจะนำพยานมาสืบให้ได้หากถึงวันนัดไม่มีพยานมาศาลจำเลยทั้งสามไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีโดยได้กำชับทนายจำเลยว่า ถึงวันนัดหากไม่มีพยานมาสืบถือว่าจำเลยทั้งสามไม่ติดใจสืบพยาน แต่ทนายจำเลยก็ขอเลื่อนคดีอีกและไม่ปรากฏว่ามีพยานจำเลยมาศาลที่ทนายจำเลยกล่าวอ้างว่า พยานจำเลยมาศาลนั้นก็ไม่ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น พฤติการณ์เช่นนี้เป็นการไม่นำพาต่อกำหนดนัดของศาล เป็นการประวิงคดี ประกอบกับในคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยอ้างเหตุว่าทนายจำเลยป่วยท้องเสียกะทันหัน ไม่สามารถจะมาศาลได้ จึงขอเลื่อนการพิจารณาเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีเป็นครั้งที่ 5 ถึงแม้ทนายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริงและปรากฏตามใบรับรองแพทย์ซึ่งยื่นในภายหลังตามเอกสารท้ายคำร้องของจำเลยทั้งสามว่าทนายจำเลยป่วย แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทนายจำเลยป่วยจริงซึ่งเป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ แต่คำร้องขอเลื่อนคดีระบุเพียงว่าขอเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งในคำร้องว่าหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไรเป็นกรณีที่จำเลยทั้งสามไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลได้ว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะทำให้เสียความยุติธรรม จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 40 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของอาคารชุดณัฐสาแกรนด์คอนโดวิว ห้องเลขที่ ๒๑๕/๕๗ และ๒๑๕/๕๘ อาคารที่ ๑ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๕๓, ๙๕๔, ๙๕๕, ๙๕๖ ในสภาพเรียบร้อยโดยโจทก์ไม่ต้องชำระค่าห้องที่เหลือโดยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสามหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม แต่หากไม่สามารถจดทะเบียนโอนได้ให้จำเลยทั้งสามชดใช้ราคาห้องจำนวน ๓,๖๒๐,๐๐๐ บาทและค่าเสียหายจำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๗,๖๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีรวมทั้งหมด ๕ ครั้งและนัดนี้ทนายจำเลยอ้างว่าป่วยแต่ไม่มีใบรับรองแพทย์มายืนยัน อีกทั้งทนายจำเลยได้แถลงไว้ว่าในนัดนี้หากไม่มีพยานจำเลยมาศาลถือว่าไม่ติดใจสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานจำเลย ให้นัดฟังคำพิพากษา แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของอาคารชุดณัฐสาแกรนด์คอนโดวิว ห้องเลขที่ ๒๑๕/๕๗ และ๒๑๕/๕๘ ชั้นที่ ๔ อาคารที่ ๑ ชื่ออาคารชุดณัฐสาแกรนด์คอนโดวิว ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ ๓/๓๕๓๘ บนโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๕๓, ๙๕๔, ๙๕๕, ๙๕๖ ตำบลนาจอมเทียนอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในสภาพเรียบร้อยให้โจทก์ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาเป็นเครื่องแสดงเจตนาของจำเลยที่ ๑ หากไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยที่ ๑ แต่เพียงผู้เดียวชดใช้ราคาคืนพร้อมค่าเสียหายเป็นเงิน ๗,๖๒๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๓ ให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายร่วมกับจำเลยที่ ๑เป็นเงินจำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งงดสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามเพียงประการเดียวว่าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่า ก่อนหน้าที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นครั้งที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและสั่งงดสืบพยานจำเลย จำเลยทั้งสามได้ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าทนายจำเลยป่วยบ้าง จำเลยที่ ๒ ซึ่งจะมาเบิกความเป็นพยานป่วยบ้าง ติดต่อกับพยานที่จะมาเบิกความไม่ได้บ้าง ซึ่งรวมแล้วจำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีและศาลชั้นต้นอนุญาตมาแล้วถึง ๔ ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีนั้นทนายจำเลยได้ขอเลื่อนคดีโดยแถลงรับรองว่าในนัดหน้าจะนำพยานมาสืบให้ได้ หากถึงวันนัดไม่มีพยานมาศาลจำเลยทั้งสามไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีโดยได้กำชับทนายจำเลยว่าถึงวันนัดหากไม่มีพยานมาสืบถือว่าจำเลยทั้งสามไม่ติดใจสืบพยานแต่ทนายจำเลยก็ขอเลื่อนคดีอีกและไม่ปรากฏว่ามีพยานจำเลยมาศาล ที่ทนายจำเลยกล่าวอ้างว่าพยานจำเลยมาศาลนั้นก็ไม่ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการไม่นำพาต่อกำหนดนัดของศาล เป็นการประวิงคดี ประกอบกับในคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยอ้างเหตุว่าทนายจำเลยป่วย ท้องเสียกะทันหันไม่สามารถจะมาศาลได้ จึงขอเลื่อนการพิจารณาเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีเป็นครั้งที่ ๕ ถึงแม้ทนายโจทก์ไม่ได้คัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริงและปรากฏตามใบรับรองแพทย์ซึ่งยื่นในภายหลังตามเอกสารท้ายคำร้องของจำเลยทั้งสามลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๑ ว่าทนายจำเลยป่วย แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทนายจำเลยป่วยจริงซึ่งเป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ แต่คำร้องขอเลื่อนคดีระบุเพียงว่าขอเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งในคำร้องว่าหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสามไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลได้ว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะทำให้เสียความยุติธรรม จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและมีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share