แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ว่าเงินที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักมาจะเป็นเงินของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วมด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้างได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) (11) , 188 , 91 , 83 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินจำนวน 1,023,759 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทชุง เชง พลาสติก (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 1 ถอนคำให้การเดิมโดยให้การใหม่รับสารภาพ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) (11) วรรคสาม (ที่ถูกวรรคสอง) เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี และให้จำเลยที่ 2 คืนเงินจำนวน 1,023,759 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า เงินของโจทก์ร่วมทั้งสามจำนวนที่จำเลยที่ 1 ลักไป จำเลยที่ 1 ลักโดยหลอกให้นายลี กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ร่วมซึ่งไม่รู้หนังสือไทยลงชื่อในเช็ค ซึ่งเป็นเช็คของโจทก์ร่วม เช็คทั้งสามฉบับนำเข้าบัญชีจำเลยที่ 2 เพื่อเรียกเก็บเงิน เมื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คแล้วจำเลยที่ 2 ถอนไป 800,000 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน 58,140 บาท จำเลยที่ 2 ถอนทีหลัง แสดงว่า จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์จากเงินที่จำเลยที่ 1 ลักมา ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาทุจริตร่วมกับจำเลยที่ 1 ข้อนำสืบของจำเลยที่ 2 ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 2 ตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) (11) นั้น สำหรับความผิดตามมาตรา 335 (11) คือ ฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ว่าเงินที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักมาจะเป็นเงินของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วมด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้างได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขข้อนี้ให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) วรรคแรก จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 3 กระทง จำคุก 3 ปี 18 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7.