แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 104 และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตราที่ฟ้อง แต่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อ้างพระราชบัญญัติที่แก้ไขมาตราที่กล่าวมานั้นต่างกันเช่นนี้หาใช่เป็นการตัดสินนอกฟ้องไม่ เพราะบทบัญญัติของการแก้ไขแต่ละคราวก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตราเดิมนั่นเอง
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาฐานกบถในและนอกพระราชอาณาจักรและเป็นอั้งยี่ จำเลยที่ 1, 3 รับสารภาพ จำเลยที่ 2 ปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามสมคบกันกระทำผิดฐานกบถภายในราชอาณาจักรมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 104(1) ซึ่งแก้ไขตามพระราชบัญญัติแก้ไขกฎหมายอาญา พ.ศ. 2470 ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปีลดจำเลยที่ 1, 3 ที่ให้การรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 6 เดือน
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยให้ลงโทษนายชีจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 104(1) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2478 (ฉบับที่ 7) มาตรา 4 (เพราะที่แก้ไขตามพระราชบัญญัติแก้ไขกฎหมายอาญา พ.ศ. 2470 นั้นยกเลิกแล้ว)
นายชีจำเลยที่ 2 ฎีกาต่อมา ว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2478 เป็นการนอกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องนี้โจทก์ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 104 และศาลล่างทั้งสองก็ได้ลงโทษจำเลยตามมาตรากับที่ฟ้อง การที่ศาลล่างอ้างพระราชบัญญัติที่แก้ไขมาตราที่กล่าวต่างกันมาหาใช่เป็นการตัดสินนอกฟ้องไม่ เพราะบทบัญญัติของการแก้ไขแต่ละคราวก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรา 104 เดิมนั่นเอง
พิพากษายืน