แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยคัดค้านการเลือกตั้งและจำเลยเบิกความในศาลตอนหนึ่งว่า ‘ก่อนวันเลือกตั้ง 2,3 วัน นายอุไรผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่งเอานายถวัลย์ปลัดเทศบาลและนายเล็กคนขับรถดับเพลิงไปช่วยหาเสียงและกินเลี้ยงที่บ้านนายบุญปลอดและบ้านนายนิ่มระหว่างกินเลี้ยงทั้ง 2 ครั้งนี้นายถวัลย์พูดโจมตีจำเลยว่านายครอบเป็นเจ้าถ้อยหมอความยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมให้ระงับการติดไฟในระหว่างเลือกตั้ง’ ซึ่งเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษตาม มาตรา155 ข้อความเพียงเท่านี้เห็นว่าจำเลยมิได้ให้การว่านายถวัลย์ได้พูดส่งเสริมหรือทับถมให้เลือกหรือไม่ให้เลือกผู้ใดเลยไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอย่างไรถึงนายภวัลย์จะได้พูดเช่นนั้นจริงก็ไม่เป็นเหตุและไม่อาจเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้งตามสำนวนที่จำเลยร้องนั้นได้ดังนี้ข้อความที่โจทก์อ้างแม้จำเลยจะเบิกเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีเรื่องนั้นลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จตามมาตรา 155 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองนครปฐม ขอให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้ง แล้วจำเลยได้สาบานตนเบิกความเท็จในคดีเรื่องนั้นว่า “ก่อนวันเลือกตั้ง 2, 3 วันนายอุไรผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่งเอานายถวัลย์ปลัดเทศบาลและนายเล็กคนขับรถดับเพลิงไปช่วยหาเสียงและกินเลี้ยงที่บ้านนายบุญปลอดและบ้านนายนิ่มระหว่างกินเลี้ยงทั้งสองครั้งนี้ นายถวัลย์พูดโจมตีจำเลยว่า นายครอบเป็นเจ้าถ้อยหมอความยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมให้ระงับการติดไฟในระหว่างเลือกตั้ง” ฯลฯขอให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 155
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยให้การตามความจริงและต่อสู้ว่าไม่เป็นผิดทางอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือนตาม มาตรา 155 แต่ให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด 5 ปี ตาม มาตรา 41, 42 แก้ไขใหม่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งรับแต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย 2 ข้อคือ
1. ข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นไม่ใช่ข้อความสำคัญแห่งคดีจะลงโทษจำเลยไม่ได้
2. ฟ้องโจทก์ยืนยันว่าการกระทำของจำเลยทำให้เกิดความเสียหายแก่นายถวัลย์และทางราชการแต่กลับนำสืบว่าไม่ได้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างใดดังนี้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม มาตรา 155 โดยเฉพาะหาได้ประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นด้วยไม่
ปัญหาข้อแรกศาลเห็นว่าเมื่อจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดดังนั้นจริง นายถวัลย์เพียงแต่เอามาพูดในเวลากินเลี้ยงตามเรื่องที่ปรากฏและจำเลยมิได้ให้การว่านายถวัลย์ได้พูดส่งเสริมหรือทับถมให้เลือกหรือไม่ให้เลือกผู้ใดเลย จึงไม่เห็นมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้นอย่างไร ถึงนายถวัลย์ได้พูดเช่นนั้นจริงก็ไม่เป็นเหตุและไม่อาจเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้งตามสำนวนที่จำเลยร้องนั้นได้ ดังนี้แม้จำเลยจะเบิกความเท็จในความข้อนี้ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีเรื่องนั้นอีกเช่นเดียวกัน จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามกฎหมายอาญา มาตรา 155 ดังโจทก์ขอมา ปัญหาข้อ 2 ที่จำเลยฎีกาจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยตัวจำเลยพ้นข้อหาไป