คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่ามีไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูปโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามมาตรา 69 กับมีไม้หวงห้ามที่แปรรูปแล้วโดยมิได้รับอนุญาต อันเป็นผิดตามมาตรา 48, 73 เป็นฟ้องบรรยายการกระทำสองกรรมเป็นความผิดสองกระทง มิใช่กรรมเดียวเป็นผิดหลายบท

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยรับสารภาพตามฟ้องว่า จำเลยมีไม้หวงห้ามประเภทก.อันยังมิได้แปรรูป โดยมิได้มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย เป็นไม้รัง ๗ ท่อน ไม้แดง ๑ ท่อน รวมปริมาตร ๒.๔๕ลูกบาศก์เมตร และพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายและมีไม้หวงห้ามประเภท ก.ที่แปรรูปแล้ว คือ ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้พลวงรวมปริมาตร ๑.๑๕ ลูกบาศก์เมตร โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔, ๔๗, ๖๙, ๔๘, ๗๓, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๖, ๑๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔)พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๒, ๑๗ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕มาตรา ๔ ประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน๒๔๙๙ ให้รวมปรับจำเลย ๑,๐๐๐ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๕๐๐ บาท ไม้ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรมต่างกันเป็น ๒ กระทงความผิดชอบที่ศาลจะเรียงกระทงลงโทษ หรือลงกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ทั้งวันเวลาที่กระทำผิดก็ไม่ได้แตกต่างกันจนเห็นได้ว่าเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ จึงเป็นความผิดหลายบทพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์ฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด ๒ กระทง ในวันเดียวกัน คือ มีไม้หวงห้ามที่ยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายและโดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๖๙ กระทงหนึ่งและฐานมีไม้แปรรูปเกินจำนวน ๐.๒๐ ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๘ ซึ่งมีโทษตามมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันอีกกระทงหนึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ซึ่งบัญญัติถึงการกระทำผิดหลายกรรมมิได้บัญญัติว่าการกระทำผิดหลายกรรมจะเกิดขึ้นในวาระเดียวกันไม่ได้ถ้าการกระทำผิดต่างวาระแล้ว ก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นการกระทำผิดหลายกรรมอยู่ในตัว แต่ก็ไม่หมายความว่าในวันเดียวกันหรือในวาระเดียวกัน จำเลยจะกระทำผิดหลายกรรมไม่ได้ทุกกรณีคดีนี้มิใช่เป็นเรื่องกระทำผิดกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบทแต่เป็นการกระทำผิดสองกรรมเป็นสองกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ซึ่งถ้าแต่ละกระทงมีโทษเท่ากัน ศาลจะลงกระทงใดกระทงหนึ่งอันถือว่าเป็นกระทงหนักที่สุดก็ได้คดีนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรเรียงกระทงลงโทษ แต่มิให้มีผลเป็นการเพิ่มเติมโทษหนักกว่าที่ศาลชั้นต้นวางไว้ ซึ่งโจทก์ก็พอใจแล้ว
พิพากษาแก้ ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑ โดยให้ปรับตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ กระทงหนึ่งเป็นเงิน ๕๐๐ บาท และให้ปรับตามมาตรา ๔๘, ๗๓ อีกระทงหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ บาท ส่วนการลดโทษกึ่งหนึ่ง และการริบของกลาง คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น

Share