คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำว่า “ทายาทของบุคคลเช่นว่านั้น” ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137 อันจะมีสิทธิบอกล้างโมฆียกรรมซึ่งผู้ไร้ความสามารถ หรือผู้ได้ทำการแสดงเจตนาโดยวิปริตได้กระทำลง จะมีได้ก็ต่อเมื่อบุคคลดังกล่าวถึงแก่ความตายไปแล้วดังนั้น เมื่อบุคคลดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่และได้ทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินอันเป็นโมฆียะ ผู้สืบสันดานของบุคคลเช่นว่านั้นจึงไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมอันเป็นโมฆียะได้ และไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันล่อลวงให้นายอำภัน ประไพจิตต์ บิดาโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลวิกลจริต ให้ไปทำการจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 2061 ให้แก่จำเลยที่ 1 ในราคา 200,000 บาท โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่า นายอำภันเป็นบุคคลวิกลจริต โจทก์เป็นบุตรผู้สืบสันดานของนายอำภัน เป็นผู้มีส่วนได้เสียได้บอกล้างนิติกรรมดังกล่าวต่อจำเลยทั้งสองแล้วขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายดังกล่าว และให้โอนที่ดินกลับมาเป็นของนายอำภัน หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองมิได้ล่อลวงนายอำภันนายอำภันมีสติสมบูรณ์ โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทโดยธรรม เป็นทายาทผู้สืบสันดานของนายอำภัน ประไพจิตต์บิดาผู้วิกลจริตที่ศาลยังไม่ได้สั่งหรือเป็นทายาทของผู้ที่ได้แสดงเจตนาโดยวิปริต มีสิทธิที่จะได้รับมรดกของนายอำภันตามกฎหมายโจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจบอกล้างนิติกรรมขายที่ดินอันเป็นโมฆียะที่นายอำภันทำไว้กับจำเลยที่ 1 ได้นั้น เห็นว่าคำว่า “ทายาทของบุคคลเช่นว่านั้น” ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 137 อันจะมีสิทธิบอกล้างโมฆียกรรมซึ่งผู้ไร้ความสามารถหรือผู้ได้แสดงเจตนาโดยวิปริตได้กระทำลง จะมีได้ก็ต่อเมื่อผู้ไร้ความสามารถ หรือผู้ได้แสดงเจตนาโดยวิปริต ได้ถึงแก่ความตายลงโดยมิได้มีการบอกล้างโมฆียกรรมก่อนถึงแก่ความตาย ดังจะเห็นได้จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1604 ซึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนว่า”บุคคลธรรมดาจะเป็นทายาทได้ก็ต่อเมื่อมีสภาพบุคคลหรือสามารถมีสิทธิได้ตามมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายนี้ ในเวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย” ดังนั้นเมื่อนายอำภันยังมีชีวิตอยู่ แม้จะฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุตรของนายอำภันผู้วิกลจริต มีสิทธิที่จะได้รับมรดกของนายอำภันก็ตาม โจทก์ทั้งสองเป็นเพียงผู้สืบสันดานของนายอำภันเท่านั้น ยังไม่เป็นทายาทของนายอำภันไม่เป็นบุคคลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมอันเป็นโมฆียะที่นายอำภันได้ทำไว้กับจำเลยที่ 1 การบอกล้างจึงไม่มีผลให้นิติกรรมดังกล่าวตกเป็นโมฆะโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองกระทำการตามฟ้องให้โจทก์ทั้งสองได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ยกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share