คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พะยานที่รู้เห็นขณะผู้กู้พิมพ์ลายนิ้วมือ แต่มิได้เซ็นชื่อรับรองลายพิมพ์+เมื่อผู้กู้ในขณะนั้น พึ่งมาเซ็นชื่อรับรองเมื่อล่วงพ้น+ล่ากู้มาตั้ง 4 ปีโดยผู้+มิได้ยินยอม เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลแพ่ง ฯ มาตรา 9

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๖๔๐ บาท โดยมีผู้เขียนสัญญาให้ มีนายทองย้อยกับนายเตี้ยมเป็นผู้รู้เห็นในเวลาที่ทำสัญญานั้น จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือในสัญญานั้น แต่นายทองย้อยผู้เดียวเป็นพะยานรับรองในขณะนั้น พอจำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือแล้วนายเตี้ยมมีกิจธุระไปอื่นผลัดว่าจะมาลงลายมือชื่อรับรองลายนิ้วมือ จำเลยให้ในภายหลังต่อมาอีก ๔ ปีโจทก์ทวงเงินไม่ได้จึงนำสัญญากู้ไปให้นายเตี้ยมลงลายมือรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยแล้วนำมาฟ้องเป็นคดีนี้
ศาลฎีกาตัดสินว่าความุ่งหมายของประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๙ ปีว่า ถ้าพะยานลงลายมือชื่อ ๒ คนแล้วถือเสมือนว่าลายพิมพ์นิ้วมือนั้นเท่ากับลงลายมือ ซึ่งหมายความว่าผู้ลงลายมือรับรองต้องได้ลงนามรับรองในเวลารู้เห็นการกดพิมพ์ลายนิ้วมือ และเรื่องนี้นายเตี้ยมมาลงลายมือชื่อภายหลังวันทำสัญญาตั้ง ๔ ปี นายเตี้ยมจะรู้ได้อย่างไรว่าลายพิมพ์นิ้วมือนั้นเป็นของจำเลย และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับต่อนายเตี้ยมว่าลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญานั้นเป็นของตน จึงเห็นว่าการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือเช่นนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จะนำสัญญากู้มาฟ้องบังคับมิได้ พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์

Share