แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 153 เป็นความผิดสำเร็จเมื่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ ได้จ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่จำต้องคำนึงว่าการจ่ายทรัพย์นั้นต้องทำให้หนี้ระงับลงด้วย เพราะความผิดมาตรานี้ต้องการลงโทษเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ได้จ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเท่านั้น แม้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์จะชำระหนี้ด้วยเช็ค และ ก. ผู้ได้รับชำระหนี้ยังไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินเนื่องจากถูกเรียกทวงคืนก่อนอันทำให้หนี้นั้นยังไม่ระงับลงก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา 153 แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์พยายามจ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตาม ป.อ. มาตรา 153 ประกอบมาตรา 83 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153, 157, 162
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153, 157, 162 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต จำคุก 1 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสารและรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ อันมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ จำคุก 1 ปี และฐานเป็นเจ้าพนักงานจ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 ประกอบมาตรา 80, 157, 162 (1) (4) การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการแรกว่า การกระทำความผิดของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หรือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 ผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่จ่ายทรัพย์แล้วจ่ายทรัพย์นั้นเกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น จำเลยจ่ายเงินจำนวน 260,675 บาท เป็นค่าพันธุ์ปลาและวัสดุการเกษตรเกินกว่าที่ควรจ่ายจำนวน 146,900 บาท เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่น จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ผู้กระทำความผิดต้องเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร จำเลยทำเอกสารและกรอกข้อความในเอกสารใบตรวจรับ ลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จว่าได้ตรวจพันธุ์ปลาทุกชนิดตามจำนวนและขนาดตามใบสั่งซื้อโดยพันธุ์ปลาดังกล่าวมีขนาด 5 ถึง 7 เซนติเมตร จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) (4) ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าพนักงานทั่วไป จึงรวมทั้งเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 และเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 จำเลยกระทำการตรวจรับพันธุ์ปลาและวัสดุการเกษตรดังกล่าวโดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ จึงเป็นความผิดตามมาตรานี้ โดยที่การกระทำความผิดของจำเลยเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน แม้จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นทั้งประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ เจ้าหน้าที่พัสดุประจำหน่วยงานและรักษาราชการแทนประมงจังหวัดลำพูนถึง 3 ตำแหน่ง แต่จำเลยกระทำความผิดโดยมีวัตถุประสงค์เดียว คือ การได้เงินส่วนต่างจำนวน 146,900 บาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ไม่ใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาในปัญหานี้ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในปัญหานี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ต่อไปว่า การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 เป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือเป็นพยายามกระทำความผิด เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 ผู้กระทำความผิดจ่ายทรัพย์เกินกว่าควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นก็เป็นความผิดสำเร็จแล้วโดยไม่จำต้องคำนึงว่าการจ่ายทรัพย์นั้นต้องทำให้หนี้ระงับลงด้วยจึงจะเป็นความผิด เพราะความผิดตามมาตรานี้ต้องการลงโทษเพียงแค่ผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ จ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเท่านั้น ไม่ได้คำนึงว่าหนี้ที่จ่ายทรัพย์ไปนั้นต้องระงับลงไปด้วย ฉะนั้น แม้จำเลยจะชำระหนี้ด้วยเช็ค และนางเกี๋ยงคำผู้ได้รับชำระหนี้ยังไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินเนื่องจากถูกเรียกทวงคืนก่อน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 สำเร็จแล้ว ไม่ใช่แค่ความผิดฐานพยายาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาในปัญหานี้ว่าเป็นการพยายามกระทำความผิด ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ปัญหานี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153, 157, 162 (1) (4) ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5