แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในฐานะสมุหบัญชีมีหน้าที่เก็บรักษาเงินของโรงเรียนจำเลยย่อมอยู่ในฐานะผู้เก็บรักษาทรัพย์ตามกฎหมาย และย่อมไม่พ้นจากหน้าที่ดังกล่าว แม้จะมีคณะกรรมการเก็บรักษาเงินต่างหากอีกส่วนหนึ่งก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยในฐานะผู้เก็บรักษาเงิน เบียดบังเงินที่เก็บรักษาจำนวน ๑๐,๗๑๕ บาทไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๑๔๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก ๕ ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา มีสารสำคัญในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ ที่แก้ไขแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเมื่อจำเลยได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สมุหบัญชี มีหน้าที่เก็บรักษาเงินของโรงเรียน แม้จะมีกรรมการเก็บรักษาเงินด้วย จำเลยก็หาพ้นจากหน้าที่รักษาเงิน ในฐานะสมุหบัญชีของโรงเรียนไม่ การเก็บรักษาเงินของจำเลยและของกรรมการเก็บรักษาเงิน เป็นการเก็บรักษาต่างเวลาต่างหน้าที่กัน เมื่อจำเลยรับเงินมา จำเลยก็ต้องเก็บรักษาเงินนั้นไว้ตามหน้าที่ จนกว่าจะส่งมอบให้ผู้อื่นตามระเบียบ และกรรมการรักษาเงินก็มีหน้าที่รักษาเงินเมื่อได้รับมอบเงินนั้น ๆ ไว้แล้วตามระเบียบ
พิพากษายืน