แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยิงปืนเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยจำเลยทราบว่ามีคนอยู่ในบ้านนั้นกระสุนปืนอาจจะถูกผู้เสียหายและพวกซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ และกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงได้ทะลุบ้านผู้เสียหายไปถูกผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนสั้นยิงทำร้ายร่างกายพันตำรวจโทธวัชชัย พิทักษ์ กับพวก รวม ๗ นัด โดยเจตนาว่า แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล โดยกระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่ถูกพันตำรวจโทธวัชชัย กับพวก แต่ไปถูกพลตำรวจสมัครสุระศิลป์ในที่ไม่สำคัญ พลตำรวจสมัครสุระศิลป์จึงเพียงได้รับอันตรายแก่กาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงดังกล่าวเป็นการยิงปืนในเมืองในหมู่บ้าน โดยใช่เหตุ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐,๓๗๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘,๘๐,๓๗๖ แต่ให้ลงโทษจำเลยในบทหนัก ตามมาตรา ๒๘๘,๘๐ ประกอบด้วยมาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีของโจทก์ยังเป็นที่สงสัย พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยยิงปืนเข้าไปในบ้านของพันตำรวจโทธวัชชัย โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่ามีคนอยู่ในบ้านนั้น กระสุนปืนอาจจะถูกผู้เสียหายและพวกซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ และกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงได้ทะลุบ้านผู้เสียหายไปถูกพลตำรวจสมัครสุระศิลป์จันทร์คามคำ ซึ่งอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น