แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือต้องผูกพันในฐานะเป็นผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 โดยไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา 939 อันเป็นแบบอาวัลทั่วไป
หนี้ตามเช็คเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวฎีกาขึ้นมา และศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างคำนวณดอกเบี้ยผิดโดยให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยเกินไป ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้เรื่องดอกเบี้ยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท และสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาหาดใหญ่ ลงวันที่ล่วงหน้าให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้โดยมีจำเลยที่ ๒ ลงชื่อสลักหลังเช็คค้ำประกัน โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ทวงถามจำเลยก็ไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยกู้เงินโจทก์ และจำเลยที่ ๒ ไม่เคยรับเป็นอาวัล ลายมือชื่อหลังเช็คไม่ใช่ลายมือจำเลยที่ ๒ หากใช่ก็เพราะถูกโจทก์กับพวกหลอกลวง
ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ ๒ รับว่าลายมือชื่อหลังเช็คเป็นลายมือของจำเลยจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๐,๑๒๕ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ ลงชื่อสลักหลังเช็คก็เพื่อรับประกันการจ่ายเงินตามเช็คนั้น
มีปัญหาว่า จำเลยที่ ๒ จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยที่ ๒ จึงต้องผูกพันในฐานะเป็นผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๒๑, ๙๘๙ โดยไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา ๙๓๙ อันเป็นแบบอาวัลทั่วไปดังจำเลยที่ ๒ อ้างในฎีกา
แต่ศาลอุทธรณ์คำนวณดอกเบี้ยผิดพลาด และเนื่องจากเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงให้มีผลถึงจำเลยที่ ๑ ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๕(๑), ๒๔๗
พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๑๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์