แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์มีหนังสือถึงโจทก์ใจความว่า หนังสือพิมพ์ของโจทก์ไม่ได้พิมพ์ออกโฆษณาและจำหน่ายติดต่อกันเป็นระยะเวลา 30 วัน ใบอนุญาตของโจทก์สิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 จึงเรียนมาเพื่อทราบ เป็นการข่มขู่โจทก์มิให้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์ของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนหนังสือดังกล่าวของโจทก์ดังนี้ หนังสือที่จำเลยมีถึงโจทก์เพียงแต่แจ้งข้อเท็จจริงตามความเข้าใจของจำเลยให้โจทก์ทราบ เพื่อจะได้ไม่ปฏิบัติผิดกฎหมายขึ้น ไม่เป็นการข่มขู่หรือกระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ศาลย่อมไม่รับฟัองของโจทก์ไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานการพิมพ์ได้มีหนังสือถึงโจทก์ใจความว่า ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ของโจทก์ไม่ได้พิมพ์ออกโฆษณาและจำหน่ายติดต่อกันเป็นระยะเวลา ๓๐ วันใบอนุญาตเป็นอันสิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๔๘๔ จึงเรียนมาเพื่อทราบเป็นการข่มขู่มิให้โจทก์พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์ โจทก์ไม่กล้าพิมพ์หนังสือจำหน่าย เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนหนังสือของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า หนังสือที่จำเลยมีถึงโจทก์ ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ในทางแพ่งและไม่มีเหตุต้องใช้สิทธิทางศาล จึงสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือของจำเลยแจ้งข้อเท็จจริงตามความเข้าใจของจำเลยให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้ไม่ปฏิบัติผิดกฎหมายขึ้น ไม่ได้ทำให้การกระทำของโจทก์เป็นความผิดหรือบังคับให้โจทก์กระทำหรืองดเว้นกระทำการอย่างใด โจทก์ย่อมใช้สิทธิที่โจทก์มีอยู่ หรือแม้ใบอนุญาตสิ้นสุดลงจริง โจทก์ยังไม่มีความผิด นอกจากจะได้พิมพ์หนังสือออกโฆษณาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการพิมพ์
โจทก์อ้างว่า โจทก์ต้องหยุดพิมพ์เพราะหนังสือของจำเลยเป็นการข่มขู่โจทก์นั้น หากโจทก์ยังสิทธิตามใบอนุญาต โจทก์งดเว้นไม่กระทำ ก็เป็นเรื่องโจทก์สมัครใจไม่ใช่สิทธิ หนังสือของจำเลยไม่เป็นการข่มขู่หรือกระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งไม่รับฟ้องได้
พิพากษายืน.