คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6847/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างร้องขอให้ถอนอีกฝ่ายจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม ที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนผู้คัดค้านโดยอ้างว่า ผู้คัดค้านไม่ให้ความร่วมมือโดยไม่ยอมลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินมรดกจากบัญชีเงินฝากของผู้ตายโดยไม่มีเหตุอันสมควร ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้คัดค้านยอมลงชื่อถอนเงินฝากของผู้ตายแล้วบัญชีหนึ่ง โดยผู้ร้องตกลงว่าจะแบ่งเงินให้ผู้คัดค้าน 10,000 บาท แต่ผู้ร้องไม่แบ่งให้ตามตกลง การที่ผู้คัดค้านไม่ยินยอมลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินให้อีก ยังถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านละเลยไม่ทำตามหน้าที่ ไม่มีเหตุสมควรที่จะถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก แต่การที่ผู้ร้องเบิกเงินของผู้ตายออกจากบัญชีธนาคาร ก. ไปเพียงผู้เดียวโดยไม่แบ่งให้แก่ผู้คัดค้าน ถือได้ว่าผู้ร้องละเลยมิได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก หากให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้คัดค้านต่อไปจะล่าช้าติดขัดก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงมีเหตุสมควรให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1727 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันของนายอนุวรรตน์ ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง และขอให้มีคำสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นไต่สวนมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง และให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพียงผู้เดียว ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับเป็นว่า ให้ถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพียงผู้เดียว ให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายระบุในคำร้องอ้างว่า ผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือ เงินฝากในธนาคารเพียง 2 บัญชี ได้แก่ เงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาหัวหมาก มีเงิน 36,360 บาท และเงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาจักรพรรดิพงษ์ มีเงิน 261,132.22 บาท หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกันแล้ว ปรากฏว่าผู้ตายมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาราชดำริ อีกบัญชีหนึ่ง ผู้คัดค้านเบิกความว่า ผู้ร้องไม่ได้นำบัญชีมาแสดงต่อศาลชั้นต้น ผู้คัดค้านยอมลงลายมือชื่อถอนเงินจากบัญชีเงินฝากซึ่งมีจำนวน 32,000 บาท เนื่องจากผู้ร้องตกลงจะแบ่งเงินให้ 10,000 บาท แต่ผู้ร้องไม่แบ่งเงินให้ตามที่ตกลงกัน ส่วนผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเพิ่งค้นพบบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาราชดำริของผู้ตายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันแล้ว ทั้งยืนยันไม่แบ่งเงินให้ผู้คัดค้าน แต่ผู้ร้องเบิกความรับว่า ผู้ตายและผู้คัดค้านแต่งงานกันเมื่อปี 2535 โดยอยู่กินร่วมกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ทั้งผู้ตายและผู้คัดค้านต่างทำงานที่บริษัทเอกชนมีรายได้เป็นเงินเดือน พักอาศัยอยู่ร่วมกันที่รื่นรมย์คอนโดมิเนียม นอกจากผู้คัดค้านจะมีรายได้เป็นเงินเดือนแล้ว ผู้คัดค้านยังมีอาชีพรับจ้างซักเสื้อผ้าโดยใช้เครื่องหยอดเหรียญด้วย เป็นการเจือสมพยานผู้คัดค้านฟังได้ว่า ผู้คัดค้านและผู้ตายต่างช่วยประกอบอาชีพทำมาหากินสร้างครอบครัวร่วมกัน ข้ออ้างว่าผู้คัดค้านไม่ยอมลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินโดยไม่มีเหตุอันสมควรจึงยังฟังไม่ได้โดยถนัด การที่ผู้คัดค้านไม่ยินยอมลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินให้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาจักรพรรดิพงษ์ ยังถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านละเลยไม่ทำตามหน้าที่ จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก แต่การที่ผู้ร้องนำเงินของผู้ตายออกจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาราชดำริไปเพียงผู้เดียวโดยไม่แบ่งให้กับผู้คัดค้านถือได้ว่าผู้ร้องละเลยมิได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก หากให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้คัดค้านต่อไปย่อมจะล่าช้าติดขัดก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียได้ ส่วนข้ออ้างเรื่องผู้ร้องและผู้คัดค้านทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในวันไต่สวนคำร้อง ยังอาจมีข้อเท็จจริงที่ผู้คัดค้านสามารถยกขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นปัญหาให้ต้องวินิจฉัยอีกได้ จึงมีเหตุสมควรให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share