แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายขอให้บังคับให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างของผู้ขับรถชนผู้ตายตายใช้ค่าสินไหมทดแทน จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า โจทก์มิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นภริยาของผู้ตายมา 36 ปีแล้วเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ต้องจดทะเบียนสมรส จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้คัดค้านข้อนี้ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะยกข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยใหม่ แล้วฟังว่ามีการสมรสกันมาเพียง 27 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย และวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายลอยสมานไทย มีบุตรด้วยกัน ๘ คน ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะของโจทก์กับผู้ตาย ๓ คน คือนายสุธรรม นางสาวสำนวน และเด็กหญิงสมนึกจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน น.ม.๐๐๘๘๙ และจำเลยที่ ๑ นำรถนี้ไปเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ ๒ นายโพธิ์นิมิตย์กุล ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับรถคันนี้ตามทางการที่จ้างได้ขับโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนนายลอย สมานไทย ถึงแก่ความตายจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ต้องรับผิดใช้เงินค่าปลงศพและค่าที่โจทก์ขาดอุปการะเลี้ยงดู ขอให้ศาลบังคับให้
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าโจทก์มิใช่ภริยาและผู้เยาว์ทั้งสามก็มิใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายลอย รถยนต์คันที่ฟ้องไม่ใช่ของจำเลยแต่เป็นของนายโพธิ์ นิมิตย์กุล โดยจำเลยขายให้นายโพธิ์ไปแล้วนายโพธิ์นำรถไปเข้าร่วมเดินรถกับจำเลยที่ ๒ แล้วไปเกิดเหตุเรื่องนี้การตายของนายลอยมิใช่เกิดเพราะความประมาทของนายโพธิ์ค่าเสียหายสูงเกินไป
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ไม่รับรองว่าโจทก์และผู้เยาว์ทั้งสามเป็นภริยาและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย รถยนต์คันที่ฟ้องไม่ใช่ของจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ร่วมเดินรถในเส้นทางของจำเลยที่ ๒ นายโพธิ์ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จะได้ขับรถโดยประมาทหรือไม่ไม่รับรองค่าเสียหายมากเกินสมควร
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายโดยได้แต่งงานกับผู้ตายมา ๓๖ ปี แล้วอันเป็นเวลาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ซึ่งไม่จำต้องจดทะเบียนสมรส บุตรก็เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย นายโพธิ์ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นนายจ้างของนายโพธิ์ และรถคันเกิดเหตุยังไม่ได้เข้าร่วมกิจการกับจำเลยที่ ๒ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ใช้ค่าสินไหมทดแทน ยกฟ้องเกี่ยวกับตัวจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดในการละเมิดรายนี้ และค่าเสียหายมากเกินไป
ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยและฟังว่า โจทก์แต่งงานกับผู้ตายโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสเมื่อราว ๒๗ ปีมานี้ คือหลังจากใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นสามีภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย บุตรผู้เยาว์จึงไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย โจทก์และบุตรไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายฐานขาดการอุปการะเลี้ยงดูไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์สมรสกับผู้ตายเมื่อ ๓๖ ปีมาแล้ว อันเป็นเวลาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส การสมรสก็สมบูรณ์บุตรผู้เยาว์ก็เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ต้องรับผิดในการที่ทำให้ผู้ตายตาย ข้อเท็จจริงที่ว่าสมรสกันมาถึง ๓๖ ปีแล้วนี้จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้าน จึงเป็นอันยุติศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยใหม่แล้วฟังว่ามีการสมรสกันเพียง ๒๗ ปี ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์มิใช่ภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ตายและบุตรผู้เยาว์ที่โจทก์ฟ้องแทนมิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ ต่อไป แล้วพิพากษาใหม่