คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินของโจทก์ เพิกถอนหรือยกเลิกการขายทอดตลาดกับเพิกถอนคำสั่งและหมายเรียกของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งซึ่งถึงที่สุดแล้ว โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า ในคดีดังกล่าวศาลพิพากษาให้โจทก์แบ่งแยกที่ดินของโจทก์ให้จำเลยตามส่วนที่ได้รับตามคำพิพากษา แต่มิได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินมาขายทอดตลาดจึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ เป็นคำฟ้องที่โต้แย้งเกี่ยวกับการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดีในคดีดังกล่าวโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 152ซึ่งได้มาโดยการยกให้จากนางเสริม สมานบุตร ต่อมาจำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 770/2527ของศาลชั้นต้นไปยึดที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วนำออกขายทอดตลาดอันเป็นการรบกวนการครอบครองที่ดินและละเมิดสิทธิของโจทก์เพราะโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวมาโดยชอบและยังมิได้ถูกเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียน คำพิพากษาในคดีดังกล่าวพิพากษาให้โจทก์แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 152 ให้จำเลยตามส่วนที่ได้รับตามคำพิพากษา แต่ไม่ได้มีคำพิพากษาเพิกถอนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์ จึงไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่โจทก์ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนการยึดเพิกถอนหรือยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าว เพิกถอนคำสั่งและหมายเรียกของศาลชั้นต้น ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหรือรบกวนการครอบครองที่ดินของโจทก์อีกต่อไป และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 250,000 บาท และอีกเดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะหยุดรบกวนสิทธิของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินของโจทก์ เพิกถอนหรือยกเลิกการขายทอดตลาดกับเพิกถอนคำสั่งและหมายเรียกของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 770/2527ซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า ในคดีดังกล่าวศาลพิพากษาให้โจทก์แบ่งแยกที่ดินของโจทก์ให้จำเลยตามส่วนที่ได้รับตามคำพิพากษา แต่มิได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์ การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินมาขายทอดตลาดจึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์นั้น เห็นได้ว่าเป็นคำฟ้องที่โต้แย้งเกี่ยวกับการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี ดังนั้นโจทก์จะอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินดังกล่าวของโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 หาได้ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รับคำฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share